คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลย 4 คน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 จำเลยคนหนึ่งฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่าง แต่เมื่อคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ออกใช้บังคับ ข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขอัตราโทษของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง ซึ่งเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาใช้แก่จำเลยและเมื่อศาลฎีกาพิพากษาแก้บทเป็นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 14 ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ตลอดไปถึงจำเลยอีก 3 คนที่ไม่ได้ฎีกาด้วยได้เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจร่วมกันปล้นทรัพย์ของนายมูล ไกรยะราชโดยมีปืนเป็นอาวุธ และยิงปืนขู่เข็ญ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำเลยที่ ๑ต่อจากคดีอาญาดำที่ ๓๘๗/๒๕๑๓ ของศาลจังหวัดเลย
จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ ภายหลังจำเลยที่ ๕, ๖ ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ รับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑, ๔, ๕, ๖ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ จำคุกคนละ ๒๐ ปี จำเลยที่ ๖ รับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน จึงไม่ลดโทษให้ ส่วนจำเลยที่ ๕ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ ๔ ปี เหลือจำคุก ๑๖ ปี ให้จำเลยทั้งสี่ดังกล่าวร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๖,๔๑๕ บาทแก่เจ้าทรัพย์ นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากโทษในคดีอาญาแดงที่ ๓๗๒/๒๕๑๓ของศาลจังหวัดเลย ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒, ๓
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่า จำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกระทำการปล้นทรัพย์จริงดังโจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยต่อไปว่า แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ นั้น ย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงมาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ เมื่อคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ออกใช้บังคับ ข้อ ๑๔ ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขอัตราโทษของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ ให้เบาลงเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท และโดยที่เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ย่อมมีผลตลอดถึงจำเลยอื่นซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาด้วย แต่โทษที่ศาลล่างกำหนดไว้นั้น เหมาะสมแล้ว
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในบทที่ให้ลงโทษจำเลยเป็นว่าให้ลงโทษจำเลยที่ ๑, ๔, ๕ และ ๖ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ วรรค ๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ข้อ ๑๔ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share