คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมกรณี และชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ โดยไม่มีข้อต่อสู้ใด ๆ ทั้งได้นำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับให้พนักงานสอบสวนทำแผนที่และบันทึกไว้ดังนี้ ศาลรับฟังคำให้การรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนประกอบกับพยานแวดล้อมกรณีดังกล่าวแล้วได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า
โรงเรียนเป็นของบุตรผู้ตายโดยผู้ตายทำการเป็นเจ้าของโรงเรียนอยู่ เมื่อผู้ตายไม่ชอบจำเลย ก็ย่อมจะให้จำเลยออกจากโรงเรียนได้ การที่ผู้ตายบอกให้จำเลยออกไปจากโรงเรียนทันที เป็นการใช้ถ้อยคำรุนแรงไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยโกรธที่ถูกผู้ตายออกปากไล่ออกไปจากโรงเรียนในเดี๋ยวนั้น จึงหยิบปืนในกระเป๋าถือยิงผู้ตายไปทันทีดังนี้ การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำลงโดยบันดาลโทสะ อันจะได้ลดโทษตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและกระสุนปืนไม่รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนางประสพสายกับนางกนกศรีหลายนัด ด้วยเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากจำเลยโกรธที่ถูกนางประสพสายกับนางกนกศรีไล่ออกจากงาน กระสุนปืนถูกนางประสพสายกับนางกนกศรีถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลยในวันนั้น เจ้าพนักงานได้ปืน กระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน และหัวกระสุนปืนเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
นาวาอากาศตรีสมศักดิ์ ประภาวิวัฒน์ สามีนางกนกศรี ร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยมีปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วใช้ปืนยิงนางประสพสายกับนางกนกศรีตายโดยเจตนาฆ่า แต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯลงโทษตามมาตรา ๒๘๘ บทหนัก จำคุก ๒๐ ปี รับสารภาพชั้นสอบสวนลดหนึ่งในสาม จำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน ริบของกลาง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสูงขึ้น
จำเลยอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวในภยันตรายอย่างร้ายแรงถึงชีวิต
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยแย่งปืนจากมือของนางกนกศรี ปืนลั่น ถูกนางกนกศรีโดยไม่เจตนาจะยิง นางประสพสายทำท่าจะล้วงเอาปืนจากในลิ้นชักโต๊ะ จำเลยจึงยิงนางประสพสายเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำคุก ๖ เดือนจำเลยเบิกความรับว่ามีปืนฯ ลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุก ๔ เดือน ยกฟ้องข้อหาฆ่าผู้อื่น ริบของกลาง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนัก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายแต่โจทก์มีพยานแวดล้อมกรณี ก่อนเกิดเหตุนายเล็กเห็นจำเลยเดินเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุที่ผู้ตายนั่งทำงานอยู่ โดยไม่มีคนอื่นอยู่ร่วมด้วย ต่อมา ๓ นาทีก็มีเสียงปืนดังในห้องนั้น ๔ นัดเสียงปืนดังแล้วนางสาวสุณีย์เห็นจำเลยถือปืนวิ่งออกไปจากโรงเรียนที่เกิดเหตุไปที่ถนน ชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพว่าผู้ตายทั้งสองออกปากไล่จำเลยให้ออกไปจากโรงเรียนเดี๋ยวนี้ จำเลยบันดาลโทสะจึงหยิบปืนในกระเป๋าจำเลยยิงผู้ตาย จำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนทำแผนที่เกิดเหตุและบันทึกการนำชี้ไว้และเบิกความรับรองว่าจำเลยให้การด้วยความสมัครใจ ดังนี้ รับฟังคำให้การรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนประกอบกับพยานแวดล้อมกรณีดังกล่าวแล้วได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายทั้งสองโดยเจตนาฆ่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยาน ตามนัยฎีกาที่ ๑๔๕๖/๒๕๑๕ ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี โจทก์ นายณรงค์หรือเปี๊ยก หงษ์จำรัส กับพวก จำเลย
จำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่า เมื่อจำเลยเข้าไปหานางประสพสายในห้อง นางประสพสายถามจำเลยว่า เมื่อไรจะออกไปจากโรงเรียน จำเลยตอบว่าจำเลยทำผิดอะไร ถ้าทำผิดจำเลยก็จะออก แล้วจำเลยย้อนพูดว่าเรื่องนางประสพสายเกี่ยวกับผู้ชายจำเลยรู้ นางประสพสายโกรธได้ออกปากไล่จำเลยออกไปจากโรงเรียนในเดี๋ยวนั้น จำเลยรู้สึกบันดาลโทสะขึ้นมาทันทีไม่ทันยั้งคิด ได้หยิบปืนในกระเป๋าถือยิงผู้ตายทั้งสองคนทันที ดังนี้ จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการบันดาลโทสะหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์สาเหตุที่จำเลยยิงผู้ตายทั้งสองคนแล้ว เกิดจากนางประสพสายโกรธจำเลยที่พูดว่านางประสพสายเกี่ยวข้องกับผู้ขาย จึงได้บอกให้จำเลยออกไปจากโรงเรียนทันทีจำเลยก็โกรธที่ถูกนางประสพสายบอกเช่นนั้น จึงใช้ปืนยิงผู้ตายทั้งสองคนแต่ได้ความว่าโรงเรียนสายประสิทธิ์วิทยา เป็นของบุตรนางประสพสายนางประสพสายทำการเป็นเจ้าของโรงเรียนอยู่ เมื่อนางประสพสายไม่ชอบจำเลยก็ย่อมจะให้จำเลยออกจากโรงเรียนได้ การที่นางประสพสายบอกให้จำเลยออกไปจากโรงเรียนทันที เป็นการใช้ถ้อยคำรุนแรงไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการกระทำของจำเลยจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำลงโดยบันดาลโทสะอันจะได้ลดโทษตามกฎหมาย
พิพากษาแก้ ว่าจำเลยผิดและลงโทษตามมาตรา ๒๘๘ กระทงหนักจำเลยฆ่าผู้อื่นถึง ๒ คนในขณะเดียวกัน ระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตลดชั้นสอบสวนหนึ่งในสาม จำคุก ๑๖ ปี นอกจากที่แก้ พิพากษายืน

Share