คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2589/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกหุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์ไปให้ถ้อยคำและให้นำบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีมาแสดงเพื่อตรวจสอบไต่สวนตาม ป.รัษฎากร มาตรา 19 ผู้แทนโจทก์ไปให้ถ้อยคำ แต่ไม่นำบัญชีและเอกสารมาให้ตรวจสอบ อ้างว่าบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีถูกปลวกกัดกินเสียหายหมด ดังนี้ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ดังที่กล่าวอ้างเจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของโจทก์ในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 71(1) ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดในช่วงปี 2520-2521 โจทก์เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของบริษัทไทยฮีโน่มอเตอร์เซลล์ จำกัด จำหน่ายรถยนต์อยู่ 2 ปีปละได้เสียภาษีไว้ถูกต้องแล้วได้เลิกกิจการ ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินในสังกัดของจำเลยที่ 1 ได้ประเมินให้โจทก์ชำระภาษีปี 2520 เพิ่มจำนวน2,396,981.46 บาท ปี 2521 จำนวน 368,575 บาท โจทก์จึงอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์โจทก์ โดยอ้างเหตุว่าโจทก์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานต่าง ๆ ทางบัญชีมาส่งมอบต่อเจ้าพนักงานได้ โจทก์เห็นว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบ การที่เจ้าพนักงานประเมินจะใช้อำนาจตามมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากรกำหนดให้โจทก์เสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดขายก่อนหักค่าใช้จ่ายจะต้องเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษี หรือมิได้ทำบัญชี หรือทำไม่ครลหรือไม่นำบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวน แต่กรณีของโจทก์เป็นกรณีที่โจทก์ได้ยื่นเสียภาษีและทำบัญชีหรือเอกสารครบถ้วนแล้วต่อมาโจทก์หยุดประกอบกิจการทุกอย่างเป็นนิติบุคคลร้างเอกสารที่เก็บไว้สูญหายถูกปลวกกัดทำลายไป จึงเป็นกรณีที่เอกสารสูญหายและถูกทำลาย เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่มีอำนาจประเมินตามมาตรา71(1) จะต้องประเมินตามมาตรา 64, 65 ทวิ และ 65 ตรี ขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับท้องที่จังหวัดชลบุรี เลขที่ 20 14/1/00925-00926 ลงวันที่ 9 มีนาคม2527 รวม 2 ฉบับ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เลขที่ กค.0842/1263 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2531 โดยให้ประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลตามาตรา 65, 65 ทวิ และ 65 ตรีหรือขอให้ลดหรืองดเงินเพิ่มตาม มาตรา 22 หรือ 26 หรือเสียค่าปรับตาม มาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากร
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2520-2521 และชำระภาษีตามรายการที่ยื่นไว้แล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าโจทก์ยื่นเสียภาษีไว้ไม่ถูกต้องจึงได้ดำเนินการตรวจสอบถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อดจทก์รับหมายเรียกแล้วไม่นำบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีมาส่งมอบให้เจ้าพนักงานเพื่อตรวจสอบ เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจตามมาตรา 71(1)ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆเมื่อพฤติการณ์ของโจทก์เข้าเกณฑ์ที่จะต้องใช้ประมวลรัษฎากรมาตรา 91, 71(1) แล้ว ก็ไม่มีเหตุที่เจ้าพนักงานประเมินจะต้องนำมาตรา 65, 65 ทวิ และ 65 ตรี มาใช้ในการประเมิน การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ข้อเท็จจริงรับกันฟังได้ว่า เจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกหุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์ไปให้ถ้อยคำ และสั่งให้นำบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีมาแสดงเพื่อตรวจสอบไต่สวนตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 ผู้แทนโจทก์ได้ไปให้ถ้อยคำ แต่ไม่นำบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีมาให้ตรวจสอบ เจ้าพนักงานประเมินจึงได้ประเมินภาษีของโจทก์ในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 71(1) โจทก์อุทธรณ์ว่าเหตุที่โจทก์ไม่นำบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบตามหมายเรียก เพราะบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานดังกล่าวไม่มีอยู่ในมือของโจทก์เนื่องจากถูกปลวกกัดกินเสียหายไปหมด เจ้าพนักงานประเมินจึงต้องถือปฏิบัติตามหนังสือกรมสรรพากรที่ กค. 0804/18147ลงวันที่ 11 กันยายน 2523 เรื่องหลักเกณฑ์การคำนวณกำไรสุทธิกรณีสมุดบัญชีเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีถูกไฟไหม้สูญหายหรือเสียหายจึงไม่ชอบที่เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 71(1) ได้ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยจึงมีว่าบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีของโจทก์ถูกปลวกกัดกินทำลายเสียหายไปหมดจริงหรือไม่…พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังไม่ได้ว่าบัญชีและเอกสารหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีของโจทก์ถูกปลวกกัดกินเสียหายหมด ดังนั้นการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่จำต้องถือปฏิบัติตามหนังสือกรมสรรพากรที่ กค.0804/18147 ลงวันที่ 11กันยายน 2523 เรื่องหลักเกณฑ์การคำนวณกำไรสุทธิ กรณีสมุดบัญชีเอกสรรหรือหลักฐานประกอบการลงบัญชีถูกไฟไหม้สูญหายหรือเสียหายแต่อย่างใด แต่มีอำนาจประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของโจทก์ในอัตราร้อยละ 4 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากรได้ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลภาษีอากรพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย…”
พิพากษายืน.

Share