แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ช. ถือดาบวิ่งเข้ามาจะทำร้ายจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ยืมปืนจากม.ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาดึงลำกล้องปืนขึ้นลำถือเตรียมไว้เมื่อมีคนพาตัว ช. กลับไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็คืนปืนนั้นให้ ม.ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามความหมายในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนสั้นใช้ยิงได้คนละหนึ่งกระบอกและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วต่างพกพาไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรแล้วจำเลยที่ ๑ กับพวกและจำเลยที่ ๒ กับพวก ต่างฝ่ายใช้ปืนนั้นยิงโดยเจตนาฆ่าซึ่งกันและกันแต่ไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนไม่ถูกจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ เพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ ; (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๓ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓, ๓๗๑
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนกับฐานพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ปฏิเสธฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒; (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐มาตรา ๓ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๓๗๑ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา ๙๑ แต่มีอายุยังไม่เกิน ๒๐ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๖ แล้วให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ ปี ๘ เดือนยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นการบันดาลโทสะ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ ; (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐มาตรา ๓ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ เฉพาะจำเลยที่ ๒มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ อีกด้วยให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ ;(ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๓ และให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ จำเลยทั้งสองอายุยังไม่เกิน ๒๐ ปีลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๖ แล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ แปดเดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ หกปี ๘ เดือน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานพยายามฆ่า
จำเลยที่ ๒ ฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาได้ตรวจพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ มิได้ยิงฝ่ายจำเลยที่ ๑ ก่อนแล้ว จำเลยที่ ๑ จึงยิงคดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อจำเลยที่ ๒ มิได้ยิงพวกของจำเลยที่ ๑ เอาก่อนการที่จำเลยที่ ๑ ยิงจำเลยที่ ๒จึงไม่เป็นการป้องกันตัวและกรณีไม่เข้าบันดาลโทสะ
ปัญหาต่อไปก็คือ จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และฐานพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอันฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ ได้ยืมปืนจากนายมรกตมาถือไว้ เมื่อนายชาตรีถือดาบวิ่งเข้ามา จำเลยที่ ๒ ได้ดึงลำกล้องปืนขึ้นลำถือเตรียมไว้ มีนายมรกต ยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อนายสุกนางฉอ้อนพาตัวนายชาตรีกลับไปแล้ว จำเลยที่ ๒จึงคืนปืนให้นายมรกต เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ ๒ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามความหมายในมาตรา ๗พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนจำเลยที่ ๒ไม่ได้พาปืนเคลื่อนที่ไปไหน จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๒ ได้พาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น