แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บิดามารดาเก็บปืนไว้ใต้หมอนในห้องนอน โดยมิได้ถอดแมกกาซีนออก และมิได้ห้ามปรามมิให้บุตรเข้าไป เพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดจากอาวุธปืนนั้น ถือว่าบิดามารดามิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของบิดามารดา เมื่อบุตรเอาปืนไปเล่นเป็นเหตุให้ปืนลั่นถูกเพื่อนตาย บิดามารดาต้องร่วมรับผิดกับบุตรในผลละเมิดด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๑๐ จำเลยที่ ๑ ได้กระทำปืนลั่นโดยประมาท เป็นเหตุให้กระสุนถูกนายแก้วหรือวิชชพันธ์ถึงแก่ความตายศาลจังหวัดกบินทร์บุรีพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑ ปี ตามคดีหมายเลขแดงที่ ๖๗๐/๒๕๑๐
จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ ในฐานะบิดามารดาจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้เยาว์มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ ๑ ปล่อยปละละเลยยินยอมให้จำเลยที่ ๑ นำปืนมาเล่นต่อหน้า จนกระทั่งทำละเมิดโจทก์ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ ได้พยายามอบรมสั่งสอนว่ากล่าวจำเลยที่ ๑ ให้ประพฤติอยู่ในทางที่ชอบที่ควร และใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรเสมอมา วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๓ คุยอยู่กับจำเลยที่ ๒ซึ่งป่วยเป็นไข้มาเลเลียอยู่ในห้องในบ้านจำเลยอีกหลังหนึ่ง ไม่รู้เห็นขณะปืนลั่นและไม่รู้เห็นหรือยินยอม หรือปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่ ๑ หรือผู้ตายเอาปืนจำเลยที่ ๓ มาเล่นจนปืนลั่น หากแต่จำเลยที่ ๑ หรือผู้ตายหยิบเอาปืนของจำเลยที่ ๓ ซึ่งเก็บไว้ในห้องส่วนตัวไปเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยที่ ๒จำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิดค่าทดแทนที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ๓๓,๑๙๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จโดยคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงิน ๙,๑๙๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องและคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงิน ๒๔,๐๐๐ บาท นับแต่วันพิพากษา
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน ๓๐,๑๙๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จโดยคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงิน ๙,๑๙๐ บาท นับแต่วันฟ้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ย่อมรู้ดีว่าปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรง หากจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วจะต้องเก็บไว้ในที่ที่ไม่อาจจะพบเห็นได้โดยง่ายหรือถอดแมกกาซีนออกเสียเพื่อป้องกันมิให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตรอาจจะหยิบเอาไปเล่นจะทำให้ปืนลั่นขึ้นโดยความประมาท เหตุเกิดในห้องนอนของจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ซึ่งจำเลยทั้งสองอาจเห็นได้ว่าการเก็บอาวุธปืนเช่นนั้น โดยปล่อยให้จำเลยที่ ๑เข้าไปอยู่ย่อมจะเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นได้ จำเลยน่าจะต้องห้ามปรามมิให้จำเลยที่ ๑ เข้าไปเพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดจากอาวุธปืนนั้นพฤติการณ์ดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของบิดามารดา จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ในการละเมิดนี้
พิพากษายืน