คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2157/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานสอบสวนสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยด้วยวาจาโดยไม่ได้ออกหมายจับ และเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปจับจำเลยนั้นไม่ได้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งจะจับจำเลยได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีหมายจับเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้แล้วได้ส่งมอบตัวจำเลยต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาแก่จำเลย และไม่ได้ควบคุมตัวจำเลยไว้หรือให้ประกันตัวไป เพียงแต่นัดให้จำเลยมาสถานีตำรวจในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นพฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้ถูกจับตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๑๒ เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยขับรถยนต์นั่งสาธารณะโดยความประมาท แซงรถยนต์สามล้อสาธารณะซึ่งอยู่ข้างหน้า เป็นเหตุให้ชนกับรถที่นายอภิชาติ แสงศศิ ขับนายอภิชาติและนายณรงค์ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยหลบหนีไปเหตุเกิดที่ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร
อธิบดีกรมอัยการอนุญาตให้ฟ้องจำเลยตามหนังสือท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙, ๓๐, ๖๖, ๖๘ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๗, ๑๓, ๑๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า พนักงานสอบสวนยื่นคำขอผัดฟ้องพ้นระยะเวลา ๗๒ ชั่วโมง เมื่อมีการจับตัวจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. ๒๔๙๙ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พนักงานสอบสวนขอผัดฟ้องถูกต้องแล้วพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อรถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งนายอภิชาติ แสงศศิ ขับได้ชนกับรถแท็กซี่ที่จำเลยขับ นายอภิชาติและนายณรงค์ สุขปาละ ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเจ้าของแท็กซี่คันเกิดเหตุมาที่สถานีตำรวจ ร้อยตำรวจเอกสมชัยผู้สอบสวนได้ถามว่ารู้จักตัวนายพงษ์ศักดิ์ (จำเลย) ผู้ขับแท็กซี่หรือไม่เจ้าของรถแท็กซี่ว่ารู้จักและรู้ที่อยู่ ร้อยตำรวจเอกสมชัย จึงให้เจ้าของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยมาดำเนินคดีในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๒ เจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยได้ในวันนั้นนำมาสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน แต่ร้อยตำรวจเอกสมชัยไม่ได้ควบคุมตัวจำเลยไว้ ปล่อยตัวจำเลยกลับและนัดให้จำเลยมาสถานีตำรวจในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๑๒
ปัญหามีว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวจะถือว่าจำเลยได้ถูกจับเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๒ หรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ร้อยตำรวจเอกสมชัยว่าสั่งให้เจ้าของรถแท็กซี่ที่จำเลยขับชนนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยมานั้นเป็นการสั่งให้ไปจับด้วยวาจา มิได้ออกหมายจับ เจ้าพนักงานผู้ไปจับก็มิใช่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งจะจับจำเลยได้ด้วยตนเองโดยมิต้องออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘ ทั้งเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจที่รับคำสั่งให้ไปจับจำเลยมาส่งให้ร้อยตำรวจเอกสมชัยที่สถานีตำรวจปทุมวัน ร้อยตำรวจเอกสมชัยก็มิได้แจ้งข้อหาแก่จำเลย และมิได้ควบคุมตัวจำเลยไว้หรือให้มีประกันแต่ประการใด เป็นแต่นัดให้จำเลยมาสถานีตำรวจในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกจับตามกฎหมาย คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยยกอ้างอิงข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

Share