แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวเป็นถ้อยคำตอบโต้หรือย้อนคำโจทก์ ต่างคนต่างว่าซึ่งกันและกันในการทะเลาะโต้เถียงกัน จะถือเป็นถ้อยคำที่จำเลยเจตนาใส่ความอันเข้าลักษณะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ เวลากลางวัน จำเลยพยายามทำร้ายร่างกายโจทก์และหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยประการที่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยจำเลยพูดประกาศต่อหน้าคนอื่นหลายคนว่า โจทก์ออกเช็คไม่มีเงินหลายราย วันที่ ๒๓ นี้จะต้องติดตะราง เหตุเกิดที่ตำบลบางกะปิ อำเภอพญาไทย จังหวัดพระนครขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๐, ๓๒๖, ๓๒๘, ๓๓๐,๓๓๒, ๙๐, ๙๑ และให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์
ศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งคดีมีมูล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำผิด ส่วนข้อหาหมิ่นประมาทก็เป็นเรื่องต่างสมัครใจทะเลาะกัน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ในข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายเพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง รับอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายในข้อหาฐานหมิ่นประมาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายจากข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาว่า เมื่อโจทก์จำเลยมาพบกันเพื่อจะรังวัดที่ดินซึ่งอยู่ติดกัน โจทก์ไม่ยอมเซ็นชื่อรับรองการรังวัด โจทก์จำเลยเกิดโต้เถียงทะเลาะกันด้วยความโกรธ โจทก์ห้ามจำเลยตัดต้นเสือหมอบ และว่าถ้าขืนตัดจะเอาจำเลยเข้าตะราง จำเลยจึงตอบโต้ไปว่าโจทก์ก็ออกเช็คไม่มีเงิน จะต้องติดตะรางวันที่ ๒๓ นี้ ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวเป็นถ้อยคำตอบโต้หรือย้อนคำโจทก์ เป็นเรื่องต่างคนต่างว่าซึ่งกันและกันในการทะเลาะโต้เถียงกันจะถือเป็นถ้อยคำที่จำเลยเจตนาใส่ความอันเข้าลักษณะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน