คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ผู้ให้เช่ายินยอมให้จำเลยผู้เช่าดัดแปลงปรับปรุงซ่อมแซมตึกพิพาท แม้ตึกพิพาทจะเสียหายไปบ้าง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
จำเลยผู้เช่าซึ่งเป็นลูกหนี้ ชอบที่จะชำระหนี้ค่าเช่าตึกพิพาทแก่ตัวเจ้าหนี้คือโจทก์เองโดยตรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 315
สัญญาเช่าตึกพิพาทระบุการผิดสัญญาเช่าไว้หลายประการทั้งกรณีที่ผิดสัญญาเช่าข้อหนึ่งข้อใดก็ยินยอมให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาได้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่า โจทก์ก็บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรค 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ ๓๐๐ บาทได้ค้างค่าเช่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๕ ถึงธันวาคม ๒๕๐๖ และจำเลยที่ ๑ผิดสัญญาเช่าคือ ตัดเจาะช่องประตู เจาะพื้นอาคารที่เช่า ฯลฯ รวมค่าเสียหาย๒๒,๖๐๐ บาท หักเงินประกันที่ได้ชำระไว้ ๙,๐๐๐ บาท ต้องใช้ให้โจทก์อีก ๑๓,๖๐๐บาท โจทก์บอกเลิกการเช่าหลังจากนั้นจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ เช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ ขอให้พิพากษาขับไล่และให้ใช้ค่าเช่าและค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ปรับปรุงต่อเติมตึกพิพาทและให้เช่าช่วง มิได้ให้จำเลยที่ ๒ เช่าช่วง ฯลฯ
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและให้ใช้ค่าเช่าที่ค้างชำระและค่าเสียหาย ให้ส่งมอบตึกพิพาทกับทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์อันดับ ๓ ถึง ๙เว้นแต่โต๊ะโฟไมก้าอันดับ ๔ คืนโจทก์ ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเช่าที่ค้างชำระ ๑๔ เดือนเดือนละ ๓๐๐ บาทเป็นเงิน ๔,๒๐๐ บาทแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าโจทก์ห้ามมิให้จำเลยเช่าช่วง ทั้งห้ามต่อเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขตึกพิพาทจริงและวินิจฉัยข้อกฎหมายไว้ว่า การที่ตกลงยินยอมให้ดัดแปลงปรับปรุงซ่อมแซมแม้ตึกพิพาทจะเสียหายไปบ้าง ตามข้อตกลง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายต่อไปว่า จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ชอบที่จะชำระหนี้ค่าเช่าตึกพิพาทแก่ตัวเจ้าหนี้คือโจทก์เองโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๑๕ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ค้างชำระค่าเช่า โจทก์จะบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าเสียทันทีไม่ได้ เพราะสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าเช่าที่ค้างเสียก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๐ วรรค ๒ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติเช่นนั้น จึงยังไม่มีสิทธิบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาเช่าตึกพิพาทระบุการผิดสัญญาเช่าไว้หลายประการ ทั้งกรณีที่ผิดสัญญาเช่าข้อหนึ่งข้อใด ก็ยินยอมให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้ฉะนั้น การที่จำเลยที่ ๑ ผิดนัดชำระค่าเช่า โจทก์ก็บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๖๐ วรรค ๒ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้
พิพากษาแก้ เป็นว่าให้ขับไล่จำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นบริวารออกไปจากตึกพิพาท และให้คืนทรัพย์สินของโจทก์ เว้นแต่อันดับ ๔ ดังบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องถ้าคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคาดังบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share