แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกหนี้ทำสัญญารับจ้างก่อสร้างตึกพร้อมครุภัณฑ์โดยมีข้อสัญญาว่า หากลูกหนี้ก่อสร้างไม่เสร็จภายในกำหนดเวลา ยอมให้ผู้ว่าจ้างปรับเป็นรายวัน วันละ 2,500 บาท และผู้ว่าจ้างมีอำนาจยึดและหักเงินค่าจ้างที่ค้างชำระไว้เพื่อเป็นค่าทดแทนได้ ปรากฏว่าลูกหนี้ผิดสัญญาก่อสร้างล่าช้าไป ซึ่งต้องถูกปรับ ผู้ว่าจ้างจึงหักเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายที่จะจ่ายให้ลูกหนี้ไว้เป็นค่าเบี้ยปรับตามสัญญา ทั้งนี้ภายในระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย ลูกหนี้ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าจ้างขอให้ระงับการปรับแต่ผู้ว่าจ้างไม่ยินยอม แม้ลูกหนี้จะยอมทำหลักฐานให้ผู้ว่าจ้างไว้ว่าได้รับเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายครบถ้วนเต็มจำนวนแล้วก็ถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้ว่าจ้างเจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น
ย่อยาว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฯยื่นคำร้องว่า คดีนี้ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลโกมลตียาภรณ์สหช่างจำเลยลูกหนี้แล้ว ปรากฏว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กักเงิน ๔๖๕,๐๐๐ บาทของลูกหนี้ไว้เพื่อริบเป็นเบี้ยปรับฐานผิดสัญญารับเหมาก่อสร้างซึ่งลูกหนี้รับจ้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก่อสร้างตึกชีววิทยาการกระทำของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต่อลูกหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบโดยกระทำในระยะเวลา ๓ เดือนก่อนมีการฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการริบเงินที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กระทำต่อลูกหนี้ และให้คืนเงินจำนวนดังกล่าวแล้วพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่ผู้ร้อง
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้คัดค้านต่อสู้ว่า ลูกหนี้ผิดสัญญาก่อสร้างตึกชีววิทยาพร้อมครุภัณฑ์เสร็จล่าช้า ๑๘๖ วัน ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับตามสัญญาวันละ ๒,๕๐๐ บาท รวม ๔๖๕,๐๐๐ บาท ผู้คัดค้านจึงปรับ โดยยึดและหักจากเงินที่จำเลยผู้ล้มละลายจะได้รับจากค่าจ้างงวดสุดท้าย ลูกหนี้ได้ทราบการสั่งปรับนั้นแล้ว และผู้คัดค้านได้นำเงินที่ปรับส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินไปแล้ว การกระทำของผู้คัดค้านเป็นการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งทำไว้ก่อนลูกหนี้จะตกเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือถูกฟ้องล้มละลาย ทั้งมิใช่เป็นการที่ลูกหนี้กระทำเองหรือยินยอมให้กระทำโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบจะเรียกให้เพิกถอนหาได้ไม่
ชั้นพิจารณาทั้งสองฝ่ายแถลงรับข้อเท็จจริงกันและต่างไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ลูกหนี้ได้คัดค้านการรับเงินรายนี้ต่อผู้คัดค้าน จึงถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ได้มุ่งหมายที่จะให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ข้อเท็จจริงตามที่รับกันฟังได้ว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้คัดค้านได้ทำสัญญาจ้างห้างลูกหนี้ก่อสร้างตึกชีววิทยาพร้อมครุภัณฑ์เป็นเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามสัญญาข้อ ๒ กำหนดไว้ว่าผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างรวม ๗ งวด งวดที่ ๗ เงิน๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทจะจ่ายให้เมื่อผู้รับจ้างก่อสร้างเสร็จ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๐๘ และตามสัญญาข้อ ๕ มีว่าถ้าผู้รับจ้างทำการไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดยอมให้ผู้ว่าจ้างปรับเป็นรายวัน วันละ ๒,๕๐๐ บาท ปรากฏว่าผู้รับจ้างส่งงานงวดสุดท้ายเลยกำหนดเวลาตามสัญญา ๑๘๖ วัน ผู้คัดค้านจึงปรับและมีหนังสือลงวันที่ ๑๓กรกฎาคม ๒๕๐๙ ถึงผู้จัดการห้างลูกหนี้แจ้งว่า เงินค่าจ้างงวดที่ ๗นี้ ผู้คัดค้านได้กักเงินค่าปรับไว้ ๔๖๕,๐๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๑๔ตุลาคม ๒๕๐๙ ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ลูกหนี้จะทำหลักฐานให้ไว้แก่ผู้คัดค้านเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๐๙ ว่า ลูกหนี้ได้รับเงินจากผู้คัดค้านจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นค่าจ้างงวดที่ ๗ แล้วก็ดี แต่ตามสัญญาข้อ ๒ มีความว่า เงินงวดที่ ๗ นี้ผู้คัดค้านจะจ่ายให้ลูกหนี้ผู้รับจ้างเมื่อก่อสร้างเสร็จตามสัญญาและคณะกรรมการได้ตรวจรับงานแล้วปรากฏว่าลูกหนี้ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จจนเลยกำหนดตามสัญญาถึง ๑๘๖วัน ผู้คัดค้านจึงปรับวันละ ๒,๕๐๐ บาท เป็นเงิน ๔๖๕,๐๐๐ บาท ลูกหนี้ได้มีหนังสือถึงรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยผู้คัดค้านขอความเห็นใจให้ระงับการปรับ แสดงว่าลูกหนี้ได้ทำงานเลยกำหนดเวลาจริง ตามสัญญาจ้างข้อ ๕ มีความว่า เมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาแล้ว ผู้ว่าจ้างมีอำนาจที่จะยึดและหักเงินค่าจ้างที่ค้างชำระไว้เพื่อเป็นค่าทดแทนได้ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อลูกหนี้ก่อสร้างจนล่วงเลยกำหนดเวลาตามสัญญาจ้างแล้วผู้คัดค้านก็ย่อมมีสิทธิที่จะหักเงินไว้เป็นค่าปรับก่อนที่จะจ่ายค่าจ้างให้ลูกหนี้ได้ และตามข้อเท็จจริงที่ได้ความฟังไม่ได้ว่าลูกหนี้ได้ยินยอมให้กระทำโดยมุ่งหมายให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นตามนัยแห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๕
พิพากษายืน