คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาขายฝากที่ดินกันเอง โดยมิได้จดทะเบียน แม้ผู้ซื้อจะครอบครองที่ดินที่ขายฝากอยู่ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิยึดหน่วง
สิทธิเรียกร้องเงินตามสัญญาขายฝากที่เป็นโมฆะคืนจากผู้ขาย อยู่ในบังคับแห่งอายุความเรื่องลาภมิควรได้.โดยต้องฟ้องคดีภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่เวลาที่ผู้ซื้อรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนหรือภายในกำหนดสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาขายฝากที่ดินเฉพาะส่วนให้โจทก์เป็นเงิน ๗,๐๐๐ บาท ได้รับเงินไปครบแล้ว แต่ทำสัญญากันโดยไม่ได้จดทะเบียน เพราะรอการแบ่งแยกโฉนด ต่อมาแบ่งแยกเสร็จจำเลยที่ ๑ กลับจำนองที่ดินแก่นายได้จิ้น แซ่จิวสามีเดิมของโจทก์ภายหลังได้ฟ้องขอไถ่ถอนและหักหนี้จำนอง ศาลฎีกาพิพากษาให้ไถ่ถอนจำนองและหักหนี้ได้ จำเลยที่ ๑ ไถ่จำนองมา และโอนขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่ ๒ โดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ครอบครองที่ดินอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ เป็นการคบคิดเอาเปรียบโจทก์ ขอให้จำเลยร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย และเพิกถอนการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลย
จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ ขายฝากจริง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมจดทะเบียนให้ เพราะสามีโจทก์เป็นคนต่างด้าว จึงตกลงใหม่เปลี่ยนทำสัญญาจำนองแก่นายไดจิ้นสามีโจทก์ โดยโจทก์รู้เห็นหนี้จำนองได้มีการไถ่และหักหนี้กันเสร็จแล้ว การโอนขายที่ดินรายนี้ทำโดยสุจริต จำเลยได้รับเงินตามสัญญาขายฝากเพียง ๕,๕๐๐ บาทโจทก์ฟ้องเรียกหนี้ตามสัญญาขายฝากเกิน ๑๐ ปี คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๓, ๑๖๔
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อแรก โจทก์ฎีกาว่า คดีไม่ขาดอายุความ เพราะอายุความสะดุดหยุดลงเมื่อจำเลยที่ ๑ ฟ้องขอไถ่ถอนจำนองจากนายไคจิ้น และได้ไถ่ถอนจำนองเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๐๖ ต้องเริ่มนับอายุความใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕, ๑๘๑
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ ฟ้องขอไถ่ถอนจำนองที่ดินนี้จากนายไคจิ้น ซึ่งตามฟ้องของโจทก์อ้างว่าเป็นหนี้คนละรายกับหนี้ตามสัญญาขายฝากของโจทก์นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายฝากสะดุดหยุดลง
โจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ได้ครอบครองที่ดินตามสัญญาขายฝากตลอดมา ซึ่งมีสิทธิยึดหน่วง สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงยังไม่เกิดขึ้น โจทก์เพิ่งมีสิทธิเรียกร้องเงินจำนวนนี้ต่อเมื่อโจทก์สูญเสียสิทธิครอบครองไป
ศาลฎีกาเห็นว่า การครอบครองที่ดินขายฝากที่มิได้จดทะเบียนไม่ทำให้เกิดสิทธิยึดหน่วงตามกฎหมาย โจทก์ฟ้องเรียกหนี้เงินตามสัญญาขายฝากที่เป็นโมฆะ นับแต่วันทำสัญญาจนถึงวันฟ้องเป็นเวลานานถึง ๑๖ ปี โดยตามฟ้องของโจทก์เอง โจทก์รู้แล้วว่าการทำสัญญาขายฝากที่ดินต้องจดทะเบียนมาแต่เริ่มแรก และรู้แล้วว่าจำเลยที่ ๑เอาที่ดินไปจำนองสามีโจทก์ไว้ตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ จนต่อมาได้ไถ่จำนองแล้วโอนขายให้จำเลยที่ ๒ ไปตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๐๖ แต่โจทก์เพิ่งมาฟ้องเรียกเงินคืนเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๐๘ เกิน ๑ ปีนับแต่วันโจทก์รู้ว่ามีสิทธิเรียกเงินคืน และยังเกิน ๑๐ ปี นับแต่วันทำสัญญาขายฝากกันเองอีกด้วย คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙
พิพากษายืน

Share