คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6371/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โฉนดที่ดินออกทับที่ธรณีสงฆ์ของวัดโจทก์เป็นการออกโฉนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะมีการโอนทางทะเบียน ต่อมาจนถึงจำเลยผู้มีชื่อรายสุดท้ายจำเลยผู้รับโอนก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดที่ตนรับโอนไม่ และเมื่อโฉนดที่ดินออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จะขอให้ลงชื่อโจทก์แทนชื่อจำเลยในโฉนดดังกล่าวหาได้ไม่ และแม้โจทก์จะมิได้ขอให้เพิกถอนโฉนดดังกล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดดังกล่าวที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเสียได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีการออกโฉนดที่ดินในที่ธรณีสงฆ์ของวัดโจทก์รวม ๘ แปลง จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๔ ต่างถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน ๘ แปลงนี้โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะถือกรรมสิทธิ์ได้ ขอให้พิพากษาเพิกถอนชื่อจำเลยทั้งหมดออกจากการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๘๑,๑๕๗๗,๑๙๕๓,๒๓๕๔,๒๓๕๕,๒๓๕๖,๒๔๖๐ และ ๔๘๔๓ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทน ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินดังกล่าว
ก่อนจำเลยที่ ๑ ให้การ โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต จำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๔ ให้กรว่า ที่ดินของจำเลยออกโฉนดโดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้ออกโฉนดทับที่ธรณีสงฆ์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยชอบ ฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุมโจทก์มีอำนาจฟ้อง ที่ดินพิพาททั้งหมดเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขันโจทก์ พิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสิบสามคนออกจากการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๗๗,๑๙๕๓,๒๓๕๔,๒๓๕๕,๒๓๕๖,๒๔๖๐ และ ๔๘๘๓ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตามลำดับ ให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทั้งเจ็ดโฉนด ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ห้ามจำเลยทั้งสิบสามคนเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๔ อุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นายเทียบ แก้วสว่าง จำเลยที่ ๑๑ ได้มรณะ นายประสิทธิ์ แก้วสว่าง ทายาทของผู้มรณะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องแต่ฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทมิใช่ที่ธรณีสงฆ์ของวัดโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดโจทก์และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เมื่อโฉนดที่ดินทั้งเจ็ดฉบับดังกล่าวออกทับที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขันโจทก์จึงเป็นการออกโฉนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะมีการโอนทางทะเบียนต่อมาจนถึงจำเลยที่ ๒ ถึงจำเลยที่ ๑๔ เป็นผู้มีชื่อในโฉนดดังกล่าวเป็นรายสุดท้ายก็ตาม จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๔ ผู้รับโอนก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดที่ตนรับโอนไม่ และเมื่อโฉนดที่ดินทั้งเจ็ดฉบับดังกล่าวออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จะขอให้ลงชื่อโจทก์แทนชื่อจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๔ ในโฉนดดังกล่าวหาได้ไม่ และแม้โจทก์จะมิได้ขอให้เพิกถอนโฉนดทั้งเจ็ดฉบับดังกล่าวศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดดังกล่าวที่ออกโดยไม่ ชอบด้วยกฎหมายเสียได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๔ ชนะคดีนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขันโจทก์ให้เพิกถอนโฉนดเลขที่ ๑๕๗๗,๑๙๕๓,๒๓๕๔,๒๓๕๕,๒๓๕๖,๒๔๖๐ และ ๔๘๔๓ ตำบลคลองหนึ่ง (คลอง๑ ตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ห้ามจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๔ เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขันโจทก์

Share