แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกจำเลยตั้งกรรมการสอบสวน และจำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์ตามข้อบังคับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2530 เพื่อรอฟังผลการสอบสวน ต่อมาวันที่ 20 มกราคม 2531 จำเลยออกคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันแรกที่พักงาน ความเป็นลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างในช่วงนับแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2530 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2531
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จค่าจ้างในระหว่างพัก และค่าเสียหายรวม ๒๕๑,๑๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว ไม่ใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างในระหว่างพักงาน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๐ อันเป็นวันที่จำเลยสั่งพักงานโจทก์ จนถึงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๑ อันเป็นวันที่จำเลยออกคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ โจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้างจากจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยวินัยพนักงานพุทธศักราช ๒๕๒๑ ตามเอกสารหมาย ล.๑ ข้อ ๒๙ ให้อำนาจจำเลยสั่งพักงานพนักงานผู้มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้างแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนไว้ก่อนได้ ฉะนั้นเมื่อโจทก์ถูกจำเลยสั่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและถูกสั่งให้พักงานแล้ว และต่อมาจำเลยได้มีคำสั่งองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ที่ ลอ.๑๗/๒๕๓๑ ตามเอกสารหมาย ล.๕ ให้โจทก์ออกจากงานตั้งแต่วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๐ อันเป็นวันแรกที่จำเลยได้มีคำสั่งให้พักงานเป็นต้นไป กรณีจึงถือว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๐ ความเป็นลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นอันสิ้นสุดตั้งแต่วันนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างตามฟ้องจากจำเลยได้ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน