คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4820/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องแย้ง โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิการเช่าที่ดินของโจทก์ เพราะจำเลยเป็นเจ้าของบ้านพิพาทที่ปลูกอยู่ในที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ได้ใช้อยู่อาศัยเอง หากให้ผู้อื่นเช่าอยู่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่ว่า จำเลยไม่ได้อยู่ในบ้านพิพาทฟังไม่ได้ จำเลยอยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิการเช่าที่ดินของโจทก์ อันเป็นฎีกาโต้เถียงให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นแตกต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ค่าเช่าไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยไม่ได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือไม่ได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนที่พิพาทนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องแย้งดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาทที่จำเลยปลูกสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นให้โจทก์เข้าไปรื้อขนย้ายได้โดยจำเลยออกค่าใช้จ่าย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๙๑๒.๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จกับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์อีกเดือนละ ๑๖๒ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า เดิมมารดาจำเลยเป็นผู้เช่าที่ราชพัสดุพิพาทปลูกบ้านอยู่อาศัย เมื่อมารดาจำเลยตาย จำเลยก็อยู่อาศัยตลอดมาไม่เคยค้างค่าเช่า จึงไม่ต้องใช้ค่าเสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของกรมธนารักษ์แล้ว แต่ไม่ได้สิทธิการเช่า ทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้โจทก์จัดการให้จำเลยได้สิทธิการเช่า หากไม่ดำเนินการ ให้ถือว่าคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาทำสัญญาเช่าที่พิพาท และให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้สิทธิการเช่าที่พิพาท เพราะเป็นเจ้าของบ้านแต่ให้ผู้อื่นอยู่อาศัย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ ๑๘๗ ออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๔๐ แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หากจำเลยและบริวารไม่ยอมปฏิบัติ ให้โจทก์จัดการรื้อขนย้ายแทนโดยใหจำเลยเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่าย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน ๙๐๗.๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จกับค่าเสียหายอีกเดือนละ ๑๖๒ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่พิพาทให้แก่โจทก์ และให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า จำเลยมีสิทธิจะได้รับสิทธิการเช่าที่ดินของโจทก์หรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นบุคคลอยู่ในหลักเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิการเช่าที่ดินของโจทก์จำนวน ๑๐ ตารางวา ตามฟ้องแย้งหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องแย้ง โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยเป็นบุคคลที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิการเช่าดังกล่าวเพราะจำเลยเป็นเจ้าของบ้านพิพาท แต่ไม่ได้อาศัยอยู่เอง หากให้ผู้อื่นเช่าอยู่จำเลยฎีกามาเป็นทำนองว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่ว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในบ้านพิพาทฟังไม่ได้ จำเลยจึงอยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิการเช่าที่ดินของโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาโต้เถียงให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น แตกต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมาจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังที่ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ไม่ คดีนี้โจทก์ฟังขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ซึ่งในขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ค่าเช่าไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความใน สัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนที่พิพาทนั้น เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนให้ยกฟ้องแย้งดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๔๘ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยมาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท ให้โจทก์จัดการรื้อขนย้ายแทน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้นเนื่องจากได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ.๒๕๒๗ เพิ่มเติมบทมาตรา ๒๙๖ ทวิ แล้วโจทก์ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการ จะขอรื้อถอนเองไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอในส่วนที่ให้โจทก์รื้อขนย้ายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share