คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยให้การรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริง แต่โจทก์ ก็เป็นหนี้จำเลยอยู่จำนวนหนึ่ง ขอหักกลบลบหนี้ ดังนี้ เมื่อโจทก์ยังมิได้โต้แย้งหรือยอมรับเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าสิทธิเรียกร้อง นั้น ยังมีข้อต่อสู้อยู่หรือไม่ จึงยังไม่ได้ความชัด หากโจทก์โต้แย้ง สิทธิเรียกร้อง ที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้ยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจะนำมาขอหักกลบลบหนี้ไม่ได้ แต่ถ้าโจทก์ไม่มีข้อต่อสู้ จำเลยก็มีสิทธิขอหักกลบลบหนี้ได้ โดยหาจำต้องฟ้องแย้งไม่
เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาจะรับฟังมาวินิจฉัยข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกา คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ข้อ 3(ข) ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานของบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยหักเงินผลประโยชน์ของโจทก์ไว้เป็นเงินสะสมรวมเป็นเงิน 1,400 บาท เมื่อถึงกำหนดจ่ายคืนบริษัทจำเลยไม่ยอมจ่ายให้ จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่า โจทก์มีเงินสะสมเพียง 1,107.28 บาท แต่โจทก์เป็นหนี้บริษัทจำเลยอยู่รวม 1,302.23 บาท เมื่อหักกลบลบหนี้แล้วโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลย ขอให้ยกฟ้อง

วันชี้สองสถาน โจทก์รับว่าบริษัทจำเลยเป็นหนี้เงินสะสมโจทก์อยู่เพียง1,107.28 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ไม่ติดใจสืบพยานโจทก์

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย และฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อจำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ก็ต้องชำระให้โจทก์ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,107.28 บาทให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยแสดงเจตนาแก่โจทก์ขอหักกลบลบหนี้ หากโจทก์เป็นหนี้จำเลยและอาจหักกลบลบหนี้กันได้ตามกฎหมายแล้ว จำเลยย่อมหลุดพ้นจากหนี้ตามฟ้องข้อต่อสู้ของจำเลยจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องฟังกันต่อไป พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกาว่าสิทธิเรียกร้องในจำนวนหนี้ของจำเลยยังมีข้อต่อสู้อยู่ เพราะโจทก์ไม่รับว่าเป็นหนี้จำเลย จึงเอามาหักกลบลบหนี้กันไม่ได้ ถ้าจะหักกลบลบหนี้กัน จำเลยต้องฟ้องแย้งขึ้นมา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้หนี้เงินตามที่โจทก์แถลงรับว่าเป็นจำนวนเงิน 1,107.28 บาท และจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยอยู่1,302.23 บาท เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่ 194.95 บาทนั้น โจทก์มิได้โต้แย้งหรือยอมรับเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้ข้อเท็จจริงที่ว่าสิทธิเรียกร้องนั้นยังมีข้อต่อสู้อยู่หรือไม่ได้ความชัด หากโจทก์โต้แย้งสิทธิเรียกร้องที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้ย่อมยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจะนำมาขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ไม่ได้ แต่ถ้าโจทก์ไม่มีข้อต่อสู้ จำเลยก็มีสิทธิขอหักกลบลบหนี้ได้ตามมาตรา 341 และ 342 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยจำเลยหาจำต้องฟ้องแย้งไม่ เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาจะรับฟังมาวินิจฉัยข้อกฎหมายดังที่โจทก์ฎีกา อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243 ข้อ 3(ข) ประกอบมาตรา 247 คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงในข้อที่กล่าวมาแล้วต่อไป

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับข้อที่ว่าสิทธิเรียกร้องที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้ยังมีข้อต่อสู้อยู่หรือไม่ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share