แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 มิใช่บทบัญญัติที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานที่จะใช้ดุลพินิจเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บภาษีการค้าจากสินค้าประเภท ที่นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
การขายสินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว มาตรา 5 (8) จะต้องเป็นการขายสินค้า ตามประเภทการค้า ที่ 1 ชนิด 1 ก. ของบัญชีอัตราภาษีการค้า เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร และมิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาเมื่อ ‘เหล็กเส้น’ เป็นสินค้าในบัญชีที่ 1 หมวด 4 วัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือน (4) ท้ายพระราชกฤษฎีกา โดยบัญชีดังกล่าวมิได้กำหนดว่าเหล็กเส้นนั้นจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร ดังนั้นแม้เหล็กเส้นที่โจทก์ผลิตจำหน่ายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป โจทก์ก็มิได้รับยกเว้นภาษีการค้า.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่าง ปีพ.ศ. ๒๕๑๗-๒๕๒๔ โจทก์ผลิตเหล็กเส้นและเหล็กข้ออ้อยที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ ๑ นิ้วขึ้นไปออกขายในราชอาณาจักรและได้เสียภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาลให้จำเลยเป็นเงิน ๕๓ ล้านบาท ต่อมาโจทก์ทราบว่าสินค้าที่โจทก์ผลิตออกจำหน่ายได้รับยกเว้นภาษีการค้า โจทก์จึงขอให้จำเลยคืนเงินภาษีแก่โจทก์ จำเลยไม่ยอมคืน ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินดังกล่าว
จำเลยให้การว่าโจทก์มิได้รับการยกเว้นภาษีการค้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๕(๘)บัญญัติให้ยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าตามประเภทการค้าที่ ๑ ชนิด ๑ ก. ของบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรเฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร และมิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ดังนั้นถ้าเป็นสินค้าที่ระบุในบัญชีดังกล่าวก็มิใช่เป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีการค้าปรากฏว่าบัญชีที่ ๑ ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวหมวด ๔วัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือน (๔) ระบุ เหล็กเส้น ลวดเหล็ก นอกจากเหล็กเส้นหรือลวดเหล็กที่ผู้ผลิต ผลิตจากเหล็กเส้นหรือลวดเหล็กซึ่งคำว่า ‘เหล็กเส้น’ ในบัญชีดังกล่าวมิได้มีข้อกำหนดว่าต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเท่าใด จึงต้องถือว่าเหล็กเส้นทุกชนิดที่เป็นวัตถุก่อสร้างเป็นสินค้าในบัญชีที่ ๑Sหมวด ๔(๔) ทั้งสิ้นทั้งเหล็กเส้นที่โจทก์ผลิตขึ้นนั้นก็ไม่ปรากฏว่าได้ผลิตจากเหล็กเส้นแต่ประการใด ฉะนั้นสินค้าเหล็กเส้นของโจทก์ถึงแม้จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ ๑ นิ้วขึ้นไป ก็มิได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว บทบัญญัติในพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มิได้ให้อำนาจเจ้าพน้กงานที่จะใช้ดุลพินิจเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บภาษีการค้าจากสินค้าประเภทใดนอกเหนือจากที่พระราชกฤษฎีกากำหนดไว้ ดังนั้นความเห็นของเจ้าพนักงานของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างไม่ว่าจะเป็นไปในทางใดก็ไม่มีผลที่จะเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในพระราชกฤษฎีกาได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล
พิพากษายืน.