แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน แต่ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องระบุว่า บาดแผลของผู้เสียหายถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะหายภายใน 1 เดือนซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้เสียหายอาจรักษาตัวเพียง 5 วัน หรือ 10 วัน ก็หายเป็นปกติได้ ก็เป็นเพียงความเห็นของแพทย์ที่ทำไว้ขณะตรวจรักษาบาดแผลของผู้เสียหายเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าความเห็นดังกล่าวขัดกับคำบรรยายฟ้องของโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
แม้ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องมิได้ระบุให้เห็นว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา297 อย่างไร และข้อที่อ้างว่าจะรักษาหายได้ภายใน 1 เดือน ก็เป็นไปได้ว่าอาจรักษาหายได้ภายใน 5 หรือ 10 วันก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน ซึ่งเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 แล้ว ดังนี้ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้เช่นนั้นและลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๒๙๗ จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๑ ปี รอการลงโทษ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก ๑ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๖ เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ขัดกันเอง กล่าวคือ โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน ส่วนผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องระบุว่า บาดแผลของผู้เสียหายถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะหายภายใน ๑เดือน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้เสียหายอาจรักษาตัวเพียง ๕ วันหรือ ๑๐ วันก็หายเป็นปกติได้นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามรายงานความเห็นของแพทย์ที่ปรากฏในผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องที่มีข้อความดังที่จำเลยฎีกานั้น เป็นเพียงความเห็นของแพทย์ที่ทำไว้ขณะตรวจรักษาบาดแผลของผู้เสียหายเท่านั้น ทั้งไม่อาจถือได้ว่าความเห็นดังกล่าวขัดกับคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่าผู้เสียหายต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน ฟ้องโจทก์จึงหาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมดังที่จำเลยฎีกาไม่
ที่จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง มิได้ระบุให้เห็นว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ อย่างไร และในข้อที่อ้างว่าผู้เสียหายรักษาตัวหายได้ภายใน ๑ เดือน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนก็เป็นไปได้ว่าผู้เสียหายอาจรักษาตัวหายได้ภายใน ๕ หรือ ๑๐วัน ซึ่งจะแสดงว่าผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัสนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน ซึ่งเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ แล้ว เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้เช่นนั้นและลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ได้
พิพากษายืน.