คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลจะสั่งริบทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำความผิดนั้นและโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดนั้นด้วย เมื่อไม่ปรากฏว่ามีความผิดฐานเสพกัญชาเกิดขึ้น และโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเสพกัญชา โจทก์จะขอให้ศาลสั่งริบบ้องกัญชาและมีดสำหรับหั่นกัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพกัญหาหาได้ไม่ แม้จำเลยจะรับสารภาพว่ามีทรัพย์ดังกล่าวไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพกัญชา ศาลก็ไม่มีอำนาจสั่งริบต้องคืนให้แก่เจ้าของ
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2531)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชา ๑ ห่อ หนัก ๔.๓๒๐ กรัมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกัญชาดังกล่าวและได้บ้องกัญชา ๑ อัน มีดสำหรับหั่นกัญชา ๑ เล่มที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพกัญชา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๒๖, ๗๖ ที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓ และขอให้นับโทษต่อกับโทษของจำเลยในคดีอื่นกับให้ริบบ้องกัญชาและมีดของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๒๖, ๗๖ ที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ จำคุก ๔ เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ เดือน ให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๕๓๑/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้น ส่วนบ้องกัญชาและมีดสำหรับหั่นกัญชาของกลางมิใช่ทรัพย์หรือเครื่องมือเครื่องใช้ในการกระทำผิดฐานมีกัญชาตามที่โจทก์ฟ้อง ไม่ริบให้คืนแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ให้ริบบ้องกัญชาและมีดของกลาง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อจำเลยรับสารภาพว่ามีบ้องกัญชาเพื่อเสพกัญชาของกลาง ศาลจึงมีอำนาจริบบ้องกัญชาและมีดสำหรับหั่นกัญชาของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบบ้องกัญชาและมีดสำหรับหั่นกัญชาของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ ศาลมีอำนาจสั่งริบทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด คำว่า “มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด” บ่งชี้ว่าต้องมีความผิดเกิดขึ้นศาลจึงจะมีอำนาจสั่งริบทรัพย์สินได้ นอกจากนี้ตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา ๑๘ (๕) การริบทรัพย์สินเป็นโทษอย่างหนึ่งสำหรับลงแก่ผู้กระทำความผิด จึงเห็นได้ว่าศาลจะสั่งริบทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดได้ต่อเมื่อมีการกระทำความผิดนั้น และโจทก์ต้องฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดนั้นด้วยในคดีนี้ไม่ปรากฏว่ามีความผิดฐานเสพกัญชาเกิดขึ้น และโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเสพกัญชา โจทก์จะขอให้ศาลสั่งริบบ้องกัญชาและมีดสำหรับหั่นกัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพกัญชาหาได้ไม่ มิฉะนั้นโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยทั้งสำนวนเพื่อขอให้ริบทรัพย์สินเพียงประการเดียวโดยไม่ขอให้ลงโทษจำเลยก็ย่อมกระทำได้ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าศาลไม่มีอำนาจริบบ้องกัญชาและมีดของกลาง
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓ และไม่ริบบ้องกัญชาและมีดของกลาง แต่ให้คืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share