คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4463/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จัดการสาขาของธนาคารนายจ้างกำหนดให้โจทก์ลูกจ้างเป็นนักกีฬาประเภทกีฬาฟุตบอลในการแข่งขันฟุตบอลของธนาคารตามระเบียบว่าด้วยการแข่งขันกีฬาของธนาคาร แม้งานประจำของโจทก์ได้แก่การทำงานเป็นกิจการของธนาคาร ซึ่งเกี่ยวกับการให้กู้เงินและรับฝากเงินจากประชาชนทั่วไปก็ตามเมื่อโจทก์ลงแข่งขันกีฬาฟุตบอลให้ธนาคารที่จัดขึ้นในวันหยุดซึ่งอยู่นอกเวลาทำงานปกติแล้วได้รับบาดเจ็บกระดูกหน้าแข้งขวาอันเล็กหักย่อมเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าทดแทนตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 54 (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โจทก์ได้รับแต่งตั้งเป็นนักกีฬาฟุตบอลประจำสาขาตรังของธนาคารเพื่อแข่งขันกีฬาประจำปี ๒๕๒๙ โจทก์เข้าร่วมแข่งขันแล้วได้รับบาดเจ็บขณะแข่งขันกระดูกขาขวาแตกหักต้องเข้ารักษาพยาบาลและลาหยุดเป็นเวลา ๓๓ วัน พนักงานเงินทดแทนวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้างจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทน โจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อจำเลย จำเลยได้มีหนังสือที่ มท ๑๑๑๑/๓๓๐๔ ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๓๐ แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบว่า คณะกรรมการกองทุกเงินทดแทนพิจารณาแล้วมีมติว่าโจทก์มิได้ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างโจทก์ไม่เห็นด้วย จึงขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยที่ มท ๑๑๑/๓๓๐๔ ให้โจทก์มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เนื่องจากการทำงานให้นายจ้างหรือเป็นการป้องกันรักษาผลประโยชน์ให้นายจ้างเพราะธนาคารนายจ้างเป็นกิจการสถาบันการเงินมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการให้กู้เงินแก่เกษตรกรและรับฝากเงินจากประชาชนทั้วไปเท่านั้น โจทก์เล่นกีฬาหรือลงแข่งขันก็เป็นประโยชน์ของโจทก์เอง นายจ้างมิได้บังคับ ทั้งการแข่งขันจัดขึ้นในวันหยุดประกอบกับการพิจารณากำหนดอัตราเงินสมทบประเภทกิจการสถาบันการเงินแต่เริ่มแรก กองทุนเงินทดแทนมิได้ถือว่าการเล่นกีฬาเป็นสภาพการจ้างและมิใช่งานตามวัตถุประสงค์ของธนาคาร ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์ว่าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นกิจการของสถาบันการเงินมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการให้กู้เงินแก่เกษตรกรและรับฝากเงินของประชาชนทั่วไปเท่านั้น การเล่นกีฬาไม่ใช่กิจการของธนาคาร การที่โจทก์เล่นกีฬาหรือลงแข่งขันกีฬาก็เพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง ธนาคารมิได้บังคับแต่โจทก์ได้กระทำไปด้วยความสมัครใจ ทั้งการแข่งขันกีฬาจัดขึ้นในวันหยุดของธนาคาร ซึ่งอยู่นอกเวลาทำงานตามปกติ หากโจทก์ไม่สมัครใจเข้าร่วมการแข่งขัน ธนาคารซึ่งเป็นนายจ้างก็ไม่อาจลงโทษโจทก์ได้เพราะไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับสภาพการจ้างการแข่งขันกีฬาของโจทก์จึงมิใช่เป็นการปฏิบัติงานตามทางการที่จ้างการที่โจทก์ได้รับบาดเจ็บหน้าแข้งขวาหักระหว่างการร่วมแข่งขันกีฬาจึงถือไม่ได้ว่าเป้นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้างหรือป้องกันรักษาผลประโยชน์ให้นายจ้าง โจทก์จึงไม่มีสิทธฟ้องจำเลยให้จ่ายเงินทดแทนนั้น พิเคราะห์แล้วตามระเบียบฉบับที่ ๒๑ ว่าด้วยการแข่งขันกีฬาของธนาคาร ข้อ ๒๐ กำหนดว่า “การแข่งขันกีฬาและการฝึกซ้อมกีฬาของพนักงานธนาคารข้อ ๑๑ ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติงาน ฯลฯ” ข้อ ๑๑ กำหนดว่า “ทีมกีฬาของสาขาและสำนักงานใหญ่หมายความถึงนักกีฬาที่เข้าแข่งขันและตัวสำรอง ฯลฯ ซึ่งต้องมีรายชื่อระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในแต่ละคราว” และผู้จัดการสาขาตรังได้กำหนดให้โจทก์เป็นนักกีฬาประเภทกีฬาฟุตบอล ตามคำสั่งผู้จัดการสาขาที่ ๓/๒๕๒๙ เรื่องการแข่งขันกีฬา ธกส. ประจำปี ๒๕๒๙ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ แม้งานประจำของโจทก์ได้แก่การทำงานตามกิจการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งเกี่ยวกับการให้เงินกู้แก่เกษตรกรและการรับฝากเงินจากประชาชนทั่วไปก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าผู้จัดการสาขาตรังกำหนดให้โจทก์เป็นนักกีฬาประเภทฟุตบอลตามระเบียบ ฉบับที่ ๒๑ ว่าด้วยการแข่งขันกีฬาของธนาคารและตามระเบียบดังกล่าวให้ถือว่าการแข่งขันกีฬาเป็นการปฏิบัติงาน ดังนี้จึงถือได้ว่าการที่โจทก์ลงแข่งขันกีฬาฟุตบอลแล้วได้รับบาดเจ็บกระดูกหน้าแข้งขวาอันเล็กหัด ต้องลาหยุดรักษาตัว ๓๓ วัน เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าทดแทนตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๕ ข้อ ๕๔ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๒๕ ข้อ ๒ ดังนั้นมติของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนที่ว่าโจทก์มิได้ประสบอันตรายเนื่องมาจากการทำงานให้แก่นายจ้างจึงไม่ชอบ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนตามหนังสือที่ มท.๑๑๑๑/๓๓๐๘ ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๓๐ และให้โจทก์มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนเป็นเงินจำนวน ๓,๗๘๒ บาท โดยให้จ่ายครั้งเดียวนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share