แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยคืนรถยนต์ที่โจทก์นำไปซ่อมท่อไอเสียแล้วหายไป หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคากับค่าเสียหาย จำเลยปฏิเสธความรับผิดว่าเพียงแต่รับจ้างทำท่อไอเสีย ไม่ได้รับฝากทรัพย์ โจทก์ประมาทเลินเล่อไม่นำรถยนต์กลับไปเอง แม้โจทก์และจำเลยจะรับกันว่าร้านรับทำท่อไอเสียของจำเลยอยู่ริมถนนซึ่งต้องทำท่อไอเสียที่ริมถนนจนเสร็จ และจอดรถยนต์รอโจทก์ทิ้งค้างคืนไว้แล้วถูกคนร้ายลักไปก็ตาม การวินิจฉัยว่าจำเลยต้องรับผิดหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่ครบถ้วนตามที่คู่ความนำสืบให้ยุติเสียก่อนตามประเด็นข้อพิพาทว่า เหตุที่รถยนต์หายไปเป็นความผิดของจำเลย และจำเลยจะต้องรับผิดหรือไม่ เพียงใด เมื่อโจทก์สืบพยานได้เพียง 3 ปาก ข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังไม่ครบถ้วนที่จะฟังเป็นยุติตามประเด็นดังกล่าวได้ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปจึงเป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับจ้างทำท่อไอเสียรถยนต์ของโจทก์ แล้วรถยนต์หายไประหว่างอยู่ในความครอบครองของจำเลย ขอบังคับให้จำเลยส่งมอบรถยนต์คืนหรือให้ใช้ราคา กับค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยรับแต่ซ่อมท่อไอเสีย มิได้รับมอบรถยนต์ไว้ในครอบครอง โจทก์เป็นฝ่ายประมาทไม่มารับรถยนต์ไปทั้งที่ได้รับแจ้งแล้ว และความเสียหายเกิดจากบุคคลภายนอก จำเลยไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา เมื่อสืบพยานโจทก์ไปได้ ๓ ปาก คู่ความแถลงรับกันว่าจำเลยเป็นเจ้าของร้านรับทำท่อไอเสียซึ่งเป็นตึกแถวอยู่ริมถนน แต่เข้าไปทำในร้านไม่ได้ต้องทำอยู่ริมถนน จำเลยรับจ้างโจทก์ซ่อมท่อไอเสียรถยนต์ของโจทก์จริง ซ่อมเสร็จได้จอดรอโจทก์รับคืน กระทั่งรุ่งขึ้นโจทก์ขอรับรถคืน ปรากฏว่าหายไปแล้ว โดยบุคคลภายนอกซึ่งจำเลยไม่ทราบว่าใครลักรถยนต์ของโจทก์ไป ศาลชั้นต้นเห็นว่า พยานโจทก์ที่นำสืบไปแล้วประกอบกับคำแถลงรับกันของคู่ความ คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์คันพิพาทตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคากับให้ชดใช้ค่าเสียหายด้วย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์นำสืบมาเพียงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาทและมีอำนาจฟ้องจำเลยเท่านั้น ส่วนเหตุที่รถหายเป็นความผิดของจำเลยหรือไม่ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด เป็นเรื่องที่ต้องฟังข้อเท็จจริงกันต่อไป ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยยังได้ข้อเท็จจริงไม่ครบตามประเด็นที่กำหนดไว้ และคู่ความยังมีความประสงค์จะสืบอยู่อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๓ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยาน แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่า มีเหตุสมควรให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยคืนรถยนต์ที่โจทก์นำไปให้จำเลยทำท่อไอเสียแล้วหายไปหากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคารถยนต์กับให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่ามิได้รับฝากทรัพย์เพียงแต่รับจ้างทำท่อไอเสีย ได้แจ้งให้โจทก์รับรถยนต์ไปแล้ว โจทก์ประมาทเลินเล่อไม่นำรถยนต์กลับไปเอง และปฏิเสธราคารถยนต์กับค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเป็นประเด็นข้อ ๒ ว่า เหตุที่รถหายเป็นความผิดของจำเลย และจำเลยจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด ซึ่งการที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าจำเลยจะต้องรับผิดหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่มีอยู่ครบถ้วนตามที่คู่ความนำสืบมาให้เป็นยุติเสียก่อน แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังไม่ครบถ้วนที่จะฟังเป็นยุติได้ เนื่องจากศาลชั้นต้นงดสืบพยานโดยที่คู่ความยังประสงค์จะนำสืบต่อไปอยู่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ครบต้องฟังข้อเท็จจริงกันต่อไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน