แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานประเมินมีหมายเรียกถึงโจทก์รวม 2 ครั้งโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ แจ้งให้โจทก์ไปให้ถ้อยคำชี้แจงประกอบการตรวจสอบไต่สวน และให้โจทก์ส่งมอบบัญชีพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีไปให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบด้วย พนักงานไปรษณีย์มิได้นำส่งหมายเรียกยังภูมิลำเนาของโจทก์ แต่นำไปส่งไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ซึ่งโจทก์เช่าไว้ โจทก์ให้พนักงานของโจทก์ไปรับหมายเรียกดังกล่าวมาโดยถูกต้อง ถือได้ว่าโจทก์ทราบหมายเรียกของจำเลยโดยชอบแล้ว โจทก์จะอ้างว่าการส่งหมายเรียกไม่ถูกต้อง และถือเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของจำเลยหาได้ไม่ ดังนั้นการที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามหมายเรียกของจำเลยโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานของจำเลยจึงมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง และแจ้งจำนวนเงินซึ่งต้องชำระไปยังโจทก์ได้ และในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 21, 88 ประกอบมาตรา 87 (3) เมื่อโจทก์ถูกต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จึงทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะอุทธรณ์ต่อศาลได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีของจำเลย ตามแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้าและหนังสือแจ้งภาษีเงินได้ของปี พ.ศ.๒๕๒๑ และ ๒๕๒๒
จำเลยให้การว่า ก่อนที่จำเลยจะประเมินภาษีตามฟ้อง เจ้าพนักงานของจำเลยเชื่อว่าโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีไว้ไม่ถูกต้อง จำเลยจึงหมายเรียกโจทก์ไปไต่สวนและส่งเอกสารไปให้จำเลยตรวจสอบ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียก ต่อมาจำเลยมีหมายเรียกเอกสารส่งให้โจทก์ โจทก์ได้รับหมายเรียกดังกล่าวแล้ว โจทก์มิได้ส่งมอบเอกสารบัญชีหรือไปให้จำเลยไต่สวน จำเลยจึงมีอำนาจประเมินตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง และเมื่อแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบแล้วโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระภาษีและเป็นกรณีห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ซึ่งนำสืบก่อนยังไม่เสร็จ สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนที่จะมีการประเมินภาษีตามฟ้องเจ้าพนักงานของจำเลยมีหมายเรียกถึงโจทก์รวม ๒ ครั้ง โดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ แจ้งให้โจทก์ไปให้ถ้อยคำชี้แจงประกอบการไต่สวน และให้โจทก์ส่งมอบบัญชีพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีไปให้เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบด้วย การส่งหมายเรียกทั้งสองครั้ง พนักงานไปรษณีย์นำไปส่งไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ ๔๘๗ที่ทำการไปรษณีย์สามเสน ซึ่งโจทก์เป็นผู้เช่าตู้ไปรษณีย์ดังกล่าวไว้ มิได้นำส่งยังภูมิลำเนาของโจทก์ แต่พนักงานของโจทก์ก็ได้รับหนังสือหมายเรียกทั้ง ๒ ฉบับ นั้นมาถูกต้องแล้ว โจทก์มิได้ไปให้ถ้อยคำชี้แจงประกอบการตรวจสอบไต่สวน มิได้ส่งมอบบัญชีและเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีไปให้เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบ ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินจึงมีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีการค้าและภาษีเงินได้ไปยังโจทก์ โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านการประเมิน แต่จำเลยไม่รับคำอุทธรณ์ไว้พิจารณา เนื่องจากเป็นกรณีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๘ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น บัญญัติไว้ใจความว่า หมายเรียกหรือหนังสืออื่น จะส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ได้ คดีนี้ จำเลยส่งหมายเรียกถึงโจทก์ทั้ง ๒ ครั้ง โดยทางไปรษณีย์ตอบรับอันหมายถึงไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับนั่นเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตามความหมายในมาตรา ๘ ดังกล่าวจึงถือได้ว่าจำเลยได้ส่งหมายเรียกถึงโจทก์ทั้ง ๒ ครั้งนั้น เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้วฝ่ายโจทก์อ้างว่า พนักงานไปรษณีย์มิได้นำส่งหมายเรียกยังภูมิลำเนาของโจทก์แต่นำไปส่งไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ ๔๘๗ ที่ทำการไปรษณีย์สามเสน ซึ่งเป็นตู้ไปรษณีย์ที่โจทก์เช่าไว้ เป็นการส่งหมายเรียกโดยไม่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่ปฏิบัติตามหมายเรียก เห็นว่านอกจากจำเลยจะส่งหมายเรียกโดยชอบด้วยวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าวแล้วข้อเท็จจริงยังได้ความว่า โจทก์ได้ให้พนักงานของโจทก์ไปรับหมายเรียกทั้งสองฉบับคือ เอกสารหมาย จ.๓ และหมาย จ.๑๐ มาโดยถูกต้องแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบหมายเรียกของจำเลยโดยชอบแล้ว ดังนั้น โจทก์จะอ้างว่าการส่งหมายเรียกไม่ถูกต้องและถือเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของจำเลยหาได้ไม่ ดังนั้น การที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามหมายเรียกของจำเลย โดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานของจำเลยจึงมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง และแจ้งจำนวนซึ่งต้องชำระไปยังโจทก์ได้ และในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน ทั้งนี้ตามนัย มาตรา ๒๑ และมาตรา ๘๘ ประกอบมาตรา ๘๗(๓) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อโจทก์ถูกต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินต่ดคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จึงทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะอุทธรณ์ต่อศาลได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน