คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1293 เป็นบทบัญญัติถึงการเลิกสมาคม และให้ตั้งผู้ชำระบัญชี แต่เมื่อศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมแล้ว จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีได้บ้าง ต้องอาศัยมาตรา 1294 ซึ่งให้นำมาตรา 1251 มาใช้โดยอนุโลม โดยมาตรา 1251 วรรคแรกเป็นบทบัญญัติถึงเรื่องที่จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีเมื่อห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี เลิกกิจการเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย มิใช่จำกัดเฉพาะคดีที่เลิกโดยหุ้นส่วนของห้าง ฯหรือคณะกรรมการของบริษัท หรือสมาคมลงมติให้เลิก แม้แต่ศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมโดยมีผู้ร้องขอตามมาตรา 1293 ก็อยู่ในบังคับของมาตรานี้ และเมื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทหรือสมาคมเลิกกัน มาตรา 1251 วรรคแรกกำหนดให้หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง หรือกรรมการของบริษัทเป็นผู้ชำระบัญชี ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีของสมาคมก็ต้องให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นแต่จะมีข้อสัญญาของห้าง ฯ หรือข้อบังคับของบริษัทหรือสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นแต่ถ้าไม่มีบุคคลดังกล่าวในวรรคแรก จึงจะนำวรรคสองของมาตรา 1251 มาใช้บังคับ โดยพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียเป็นผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทสมาคม ต่อมามีมติของคณะรัฐมนตรีให้ยุบเลิกกิจการโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี พนักงานของโรงงานจึงพ้นจากหน้าที่ ซึ่งตามข้อบังคับของสมาคมผู้ร้องระบุว่าการขาดจากสมาชิกภาพของสมาคมเมื่อสมาชิกพ้นหน้าที่ปฏิบัติงานจากโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่มีสมาชิกของสมาคมต่อไป ขอเลิกสมาคม และตั้งผู้จัดการสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี
ผู้คัดค้านที่ ๑, ๒, ๓ ยื่นคำคัดค้านการที่จะตั้งผู้จัดการสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชีโดยขอให้ตั้งผู้คัดค้านทั้งสามเป็นผู้ชำระบัญชี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลิกสมาคมสโมสรโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี และให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี ให้ยกคำขอของสมาคมผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชี
ผู้คัดค้านที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้คัดค้านที่ ๑ ฎีกาว่า ศาลมีอำนาจตั้งบุคคลใดก็ได้เป็นผู้ชำระบัญชี ไม่จำต้องตั้งผู้จัดการสมาคมหรือคณะกรรมการสมาคมนั้นพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๓ เป็นบทบัญญัติถึงการเลิกสมาคม ส่วนการจะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีต้องอาศัยมาตรา ๑๒๙๔ ซึ่งให้นำมาตรา ๑๒๕๑ เกี่ยวกับการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดมาใช้โดยอนุโลมสำหรับมาตรา ๑๒๕๑ วรรคแรก เป็นบทบัญญัติถึงเรื่องที่จะตั้งผู้ชำระบัญชี เมื่อห้างฯ ก็ดี บริษัทก็ดีเลิกกิจการเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย มิใช่จำกัดเฉพาะคดีที่เลิกโดยหุ้นส่วนของห้างฯ หรือคณะกรรมการของบริษัทหรือสมาคมลงมติให้เลิกดังที่ผู้คัดค้านที่ ๑ ฎีกา แม้แต่ศาลมีคำสั่งเลิกโดยมีผู้ร้องขอตามมาตรา ๑๒๙๓ ก็อยู่ในบังคับของมาตรานี้ และเมื่อห้างฯบริษัทหรือสมาคมเลิกกัน มาตรา ๑๒๕๑ วรรคแรก กำหนดให้หุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ หรือกรรมการของบริษัทเป็นผู้ชำระบัญชี ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีของสมาคมก็ต้องให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นแต่จะมีข้อสัญญาของห้างฯ หรือข้อบังคับของบริษัทหรือสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น แต่ถ้าไม่มีบุคคลดังกล่าวในวรรคแรกจึงนำวรรคสองของมาตรา ๑๒๕๑ มาใช้บังคับ โดยพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียเป็นผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชี เมื่อมีการร้องขอดังกล่าว ศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้ ดังนั้นตามปัญหาที่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นเห็นควรให้เลิกสมาคมผู้ร้อง และตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว ซึ่งทางสมาคมยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับก็มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การตั้งคณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี จึงเป็นการถูกต้องแล้ว
พิพากษายืน.

Share