แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์ต้องนำสืบให้ปรากฏถึงวันที่ออกเช็คว่าจำเลยไม่มีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คหรือบัญชีปิดแล้วด้วย เพราะเป็นสาระสำคัญแห่งคดีที่จะแสดงให้เห็นว่าคดีมีมูลความผิดหรือไม่ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ปรากฏ คดีโจทก์ก็ไม่มีมูล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จริงว่า ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์มิได้นำสืบว่า ในวันที่เช็คถึงกำหนดชำระเงินจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอที่จะจ่ายเงินตามเช็คหรือบัญชีของจำเลยปิดแล้ว ดังนั้นเมื่อโจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น หรือออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น หรือถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็ค จนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้ หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริตจึงเป็นฎีกาโต้เถียงการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสองซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ว่าในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์มิต้องนำสืบถึงวันที่ออกเช็คว่าจำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คหรือบัญชีปิดแล้วนั้น เห็นว่าแม้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ก็ต้องนำสืบให้ปรากฏถึงความข้อนี้ด้วย เพราะเป็นสาระสำคัญแห่งคดีที่จะแสดงให้เห็นว่าคดีมีมูลความผิดหรือไม่ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ปรากฏ คดีโจทก์ก็ไม่มีมูล ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.