แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นบัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าที่ไม่ชำระภาษีให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ และกำหนดไว้ด้วยว่าเงินเพิ่มดังกล่าวต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระ จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่ากฎหมายได้บัญญัติทางแก้สำหรับกรณีลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ค่าภาษีการค้าที่ค้างไว้โดยเฉพาะแล้ว จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกไม่ได้ ลูกหนี้จึงไม่ต้องเสียดอกเบี้ยของเงินเพิ่มสำหรับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ภาษีอากรที่ค้างชำระรวมเป็นเงิน ๗๑,๔๖๔.๑๗ บาท และเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ ๑ ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงิน ๒๔,๕๓๓.๓๔ บาท เป็นรายเดือน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน ๖,๒๙๒.๒๙ บาทซึ่งเป็นเงินเพิ่มภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๗๑,๔๖๔.๑๗ บาทและเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ ๑ ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงิน ๒๔,๕๓๓.๓๔ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาที่ว่า โจทก์จะเรียกเอาดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินเพิ่มสำหรับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลได้หรือไม่ ว่าเมื่อประมวลรัษฎากรมาตรา ๘๙ ทวิ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นบัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าที่ไม่ชำระภาษีให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ ๑ ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ และกำหนดไว้ด้วยว่าเงินเพิ่มตามมาตรานี้มิให้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระ ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่ากฎหมายได้บัญญัติทางแก้สำหรับกรณีลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ค่าภาษีการค้าที่ค้างไว้โดยเฉพาะแล้ว และกฎหมายมุ่งประสงค์เพียงที่จะเรียกเอาเป็นเงินไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระเท่านั้น จึงจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะได้รับดอกเบี้ยดังที่ขอมา
พิพากษายืน