คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3887/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การรับโอนทรัพย์ของผู้ตายภายหลังเจ้าของทรัพย์ตายแล้ว ไม่แน่เสมอไปว่าผู้รับโอนจะไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะอาจได้รับโอนทรัพย์มาจากทายาทของผู้ตายก็ได้
จำเลยมีทะเบียนรถแสดงว่าได้รับโอนรถจักรยานยนต์คันพิพาท จากเจ้าของ ก่อนนำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปจำเลยบอกกับโจทก์ว่ารถจักรยานยนต์เป็นของจำเลยและเอาทะเบียนรถให้ดู เมื่อพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยไปพบจำเลยก็นำทะเบียนรถไปแสดง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่ารถจักรยานยนต์คันพิพาทเป็นของตน และเอารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปจากความครอบครองของโจทก์โดยขาดเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักเอารถจักรยานยนต์ของนางอภิญญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ไป โดยทุจริต โดยจำเลยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่า จำเลยรับโอนรถจักรยานยนต์คันพิพาทมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะรับโอนมาหลังจากเจ้าของเดิมตายไปแล้วเป็นการรับโอนมาจากผู้ที่สิ้นสภาพบุคคล ไม่มีตัวตน จำเลยยังไม่เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันพิพาท จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ฯลฯ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยได้รับโอนรถจักรยานยนต์คันพิพาทมาหลังจากเจ้าของเดิมตายแล้ว แต่จำเลยรับโอนมาจากทายาทของผู้ตายก็ได้การรับโอนทรัพย์ของผู้ตายภายหลังเจ้าของทรัพย์ตายแล้วจึงไม่แน่เสมอไปว่าผู้รับโอนจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ แต่ไม่ว่าจำเลยจะเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันพิพาทหรือไม่ จากข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่า จำเลยมีทะเบียนรถแสดงว่าได้รับโอนรถจักรยานยนต์คันพิพาทจากเจ้าของก่อนที่จะนำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไป จำเลยบอกกับโจทก์ว่ารถจักรยานยนต์เป็นของจำเลย และเอาทะเบียนรถให้ดู เมื่อพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยไปพบ จำเลยก็นำทะเบียนรถไปแสดงต่อพนักงานสอบสวนแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่ารถจักรยานยนต์คันพิพาทเป็นของตนและเอารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปจากความครอบครองของโจทก์โดยขาดเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share