แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 ได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเพื่อก่อตั้งบริษัทเบต้าทัวร์ จำกัด ต่อมาไม่ปรากฏว่าบริษัท หรือผู้เริ่มก่อการดังกล่าวได้ประกอบกิจการค้าแต่อย่างใด หลังจากนั้น 6 เดือนเศษ จำเลยที่ 6 กับพวกได้จดทะเบียนบริษัทเบต้า เทรเวล เซอร์วิส จำกัด จำเลยที่ 1 ถูกต้องตามกฎหมายโดยมีจำเลยที่ 6 เป็นกรรมการผู้จัดการ ในการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 นั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2, 3, 4 และ 8 ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จำเลยที่ 6 สั่งซื้อตั๋วเครื่องบินจากโจทก์ภายหลังที่จดทะเบียนตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 แล้ว เช็คที่สั่งจ่ายชำระหนี้ค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่โจทก์ก็เป็นเช็คที่จำเลยที่ 6 กับพวกลงชื่อสั่งจ่ายในฐานะเป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น เมื่อหนี้ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2, 3, 4 และ 8 ร่วมรับผิด มิใช่หนี้ที่เกิดจากการดำเนินงานจัดตั้งบริษัทเบต้าทัวร์ จำกัด และมิใช่หนี้ที่จำเลยที่ 6ก่อขึ้น โดยจำเลยที่ 2, 3, 4 และ 8 มอบหมายหรือรู้เห็นยินยอมให้กระทำ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับที่จะให้จำเลยที่ 2, 3,4 และ 8 ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1113
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ เป็นผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทเบต้าทัวร์ จำกัด จำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ กระทำการในนามและตามวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ ๑และของบริษัทเบต้าทัวร์ จำกัด โดยสั่งซื้อตั๋วเครื่องบินจากโจทก์เพื่อนำไปจำหน่ายแก่ลูกค้ารวมหลายครั้ง จำเลยได้รับตั๋วเครื่องบินที่สั่งซื้อไปแล้ว แต่ยังไม่ชำระค่าตั๋วเครื่องบินแก่โจทก์เป็นเงิน ๒๒๘,๕๔๕ บาท จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยร่วมกันชำระหนี้ดังกล่าว
จำเลยให้การว่าไม่เคยสั่งซื้อตั๋วเครื่องบินจากโจทก์และไม่เคยดำเนินกิจการใดๆ ในนามของบริษัทเบต้าทัวร์ จำกัด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และจำเลยที่ ๖ ถึงที่ ๘ ร่วมกันชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หลังจากที่จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ ได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเพื่อก่อตั้งบริษัทเบต้าทัวร์ จำกัดเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒ แล้ว ไม่ปรากฏว่าบริษัทหรือผู้เริ่มก่อการดังกล่าวได้ประกอบกิจการค้าแต่อย่างใดจนกระทั่งต่อมาอีกประมาณ ๖ เดือนเศษ จำเลยที่ ๖ กับพวกได้จดทะเบียนบริษัทเบต้า เทรเวล เซอร์วิส จำกัด จำเลยที่ ๑ ขึ้นเป็นบริษัทจำกัดถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๒ โดยจำเลยที่ ๖ เป็นกรรมการผู้จัดการ ในการจดทะเบียนต่อบริษัทจำเลยที่ ๑ และในการดำเนินกิจการของจำเลยที่ ๑ โดยมีจำเลยที่ ๖ เป็นกรรมการผู้จัดการนั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒, ๓, ๔ และ ๘ ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย การที่จำเลยที่ ๖ สั่งซื้อตั๋วเครื่องบินจากโจทก์นั้น เป็นการสั่งซื้อภายหลังที่จดทะเบียนตั้งบริษัทจำเลยที่ ๑ ขึ้นแล้ว และเช็คที่สั่งจ่ายชำระหนี้ค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่โจทก์นั้น (ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน) ก็เป็นเช็คที่จำเลยที่ ๖ กับพวกลงชื่อสั่งจ่ายในฐานะเป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ ๑ ทั้งสิ้น ทั้งในการสั่งซื้อตั๋วเครื่องบินดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒, ๓, ๔ และ ๘ ได้มอบหมายหรือรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ ๖ เป็นผู้สั่งซื้อแต่อย่างใด เมื่อหนี้ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๒, ๓ ๔ และ ๘ ร่วมรับผิด มิใช่เป็นหนี้ที่เกิดจากการดำเนินงานจัดตั้งบริษัทเบต้าทัวร์ จำกัด และมิใช่หนี้ที่จำเลยที่ ๖ ก่อขึ้น โดยจำเลยที่ ๒, ๓, ๔ และ ๘ มอบหมายหรือรู้เห็นยินยอมให้กระทำกรณีไม่อยู่ในบังคับที่จะให้จำเลยที่ ๒, ๓, ๔ และ ๘ ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๑๑๓
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒, ๓, ๔ และ ๘ ไม่ต้องร่วมรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒, ๓, ๔ และ ๘ ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์