แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านเพียงว่า ผู้ร้องไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้ร้องไม่เคยมอบอำนาจให้ ส. หรือ อ. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีแทนผู้ร้อง ดังนี้ประเด็นในคำคัดค้านจึงมีเพียงว่า ผู้ร้องมอบอำนาจให้บุคคลทั้งสองเป็นผู้ดำเนินคดีนี้หรือไม่เท่านั้น ข้อที่ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่าหนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะตราที่ประทับในหนังสือนั้นมิใช่ตราของผู้ร้องและมิใช่ตราที่จดทะเบียนไว้ต่อกระทรวงพาณิชย์ จึงเป็นการอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
เหตุขออนุญาตเลิกจ้างลูกจ้างตามคำร้องของนายจ้างเป็นประการใด ศาลแรงงานชอบที่จะพิจารณาแต่เหตุนั้นโดยเฉพาะ เมื่อเหตุตามคำร้องรับฟังไม่ได้ศาลก็ชอบที่จะยกคำร้องเสีย จะนำเหตุที่มิใช่ข้ออ้างไว้อันเป็นเหตุนอกคำร้องนอกประเด็นมาพิจารณาแล้วยกเอาเหตุนั้นมาเป็นข้อเลิกจ้างหาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่.
นายจ้างขออนุญาตเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างโดยอ้างเหตุว่าสินค้าของนายจ้างสูญหายเกิดจากลูกจ้างทุจริตหรือเกิดจากการร่วมทุจริตกับผู้อื่นหรือเกิดจากการประมาทเลินเล่อของลูกจ้าง เมื่อเหตุตามคำร้องฟังไม่ได้ศาลแรงงานกลางจะยกเอาเหตุที่ลูกจ้างเคยทำคำแถลงการณ์ในลักษณะชักชวนให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชามาเป็นเหตุเลิกจ้างไม่ได้.
ย่อยาว
ผู้ร้องร้องว่า ผู้คัดค้านเป็นลูกจ้างของผู้ร้อง มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมรักษาสินค้าอะไหล่ซึ่งเก็บไว้ในแผนกคลังสินค้าอะไหล่ และมีหน้าที่ตรวจรับจ่ายสินค้าของแผนก ต่อมาผู้ร้องได้ตรวจสอบสินค้าปรากฏว่าสินค้าหายไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งเกิดจากผู้คัดค้านร่วมกันทุจริตต่อหน้าที่กับบุคคลอื่นหรือมิฉะนั้นก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนก่อให้เกิดการทุจริตขึ้น การกระทำของผู้คัดค้านเป็นกรณีที่ผู้ร้องจะเลิกจ้างตามข้อบังคับของผู้ร้องได้ แต่เนื่องจากผู้คัดค้านเป็นกรรมการลูกจ้าง ผู้ร้องจึงขออนุญาตศาลเพื่อเลิกจ้างผู้คัดค้านและขอเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ทั้งนี้โดยผู้ร้องมอบอำนาจให้นางสมวงศ์ อธิวิทวัส และ หรือนายอำนาจ สุวรรณฤทธิ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีนี้แทนตามหนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้อง
นายสุทธิวงศ์ แสงพายัพ ผู้คัดค้านว่าการที่สินค้าของผู้ร้องสูญหายไปมิใช่เป็นความผิดของผู้คัดค้านแต่ประการใดผู้ร้องหาตัวผู้รับผิดไม่ได้กลั้นแกล้งผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมิได้กระทำการใดตามคำร้อง ผู้ร้องไม่เคยมอบอำนาจให้นางสมวงศ์หรือนายอำนาจเป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีนี้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมิได้นำสืบให้ศาลเห็นว่าสินค้าหายไปเมื่อใด หายไปได้อย่างไร และไม่สามารถนำสืบได้ว่าผู้คัดค้านทุจริตอย่างไรหรือร่วมกับบุคคลอื่นทุจริตอย่างไรจะต้องรับผิดตามข้อบังคับหรือไม่ และไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่าผู้คัดค้านประมาทอย่างไร ผู้ร้องจะนำเหตุสินค้าหายมาเลิกจ้างผู้คัดค้านยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ แต่ผู้คัดค้านทำคำแถลงการณ์ในนามของสหภาพแรงงานตำหนิและกล่าวหาผู้ร้อง ซึ่งเห็นได้ว่าผู้ร้องกับผู้คัดค้านไม่สามารถร่วมทำงานกันต่อไปได้ มีเหตุที่ผู้ร้องจะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้พิพากษาให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านนับถัดจากวันอ่านคำพิพากษาเป็นต้นไปโดยให้ผู้ร้องจ่ายค่าจ้างแก่ผู้คัดค้านจนถึงวันเลิกจ้าง และให้ผู้ร้องจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้คัดค้าน คำขออื่นให้ยก
ผู้ร้องและผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าผู้คัดค้านอุทธรณ์เป็นประการแรกว่า ตราที่ประทับชื่อกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทผู้ร้องได้นั้น ผู้ร้องจดทะเบียนที่กระทรวงพาณิชย์อย่างหนึ่ง แต่ตราที่ประทับในหนังสือมอบอำนาจกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมิใช่ตราที่จดทะเบียนไว้ หนังสือมอบอำนาจในคดีนี้จึงไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้คัดค้านคัดค้านในคำร้องคัดค้านเพียงว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะผู้ร้องไม่เคยมอบอำนาจให้นางสมวงศ์ อธิวิทวัส หรือนายอำนาจ สุวรรณฤทธิ์ เป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินคดีแทนผู้ร้อง ประเด็นตามคำคัดค้านมีเพียงว่าผู้ร้องมอบอำนาจให้บุคคลทั้งสองเป็นผู้ดำเนินคดีนี้หรือไม่เท่านั้นหนังสือมอบอำนาจชอบหรือมิชอบ ดวงตราที่ประทับเป็นของผู้ร้องหรือไม่จดทะเบียนไว้ที่กระทรวงพาณิชย์หรือไม่ หาเป็นประเด็นไม่ ข้ออุทธรณ์ประการแรกจึงเป็นอุทธรณ์นอกคำคัดค้าน ไม่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ผู้คัดค้านอุทธรณ์เป็นประการต่อไปว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงแล้วว่า การที่สินค้าสูญหายมิได้เกิดจากการทุจริตของผู้คัดค้านหรือเกิดจากการร่วมทุจริตกับผู้อื่นหรือเกิดจากการประมาทเลินเล่อของผู้คัดค้านอันเป็นเหตุที่ผู้ร้องขออนุญาตเลิกจ้าง ก็เมื่อเหตุตามคำร้องฟังไม่ได้เสียแล้วศาลแรงงานกลางกลับถือว่า คำแถลงการณ์ของผู้คัดค้านในกรณีนายรวยลาภ วิทยารักษ์ ถูกค้นอาวุธปืนและถูกสอบสวนซึ่งมีลักษณะชักชวนให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา อันไม่เป็นเหตุตามคำร้องที่ขออนุญาตเลิกจ้างมาเป็นเหตุเลิกจ้างโดยวินิจฉัยว่า ผู้ร้องกับผู้คัดค้านไม่สามารถจะร่วมกันทำงานต่อไปได้ เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุขออนุญาตเลิกจ้างตามคำร้องเป็นประการใด ศาลก็ชอบที่จะพิจารณาแต่เหตุนั้นโดยเฉพาะ ศาลจะนำเหตุอื่นที่ไม่เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอันเป็นเหตุนอกคำร้องนอกประเด็นมาพิจารณาแล้วยกเอาเหตุอื่นนั้นมาเป็นข้อเลิกจ้าง หาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่ที่ศาลแรงงานกลางอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านเพราะทำคำแถลงการณ์ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เมื่อเหตุตามคำร้องรับฟังไม่ได้จึงชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องเสีย อุทธรณ์ประการที่สามของผู้คัดค้านฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกคำร้อง.