คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกอ่สร้างอาคารพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตและอาคารดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 เมื่ออาคารพิพาทได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว จึงล่วงเลยเวลาที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่จำต้องมีคำสั่งดังกล่าวดังนั้น แม้เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทเกิน 30 วัน นับแต่วันที่ได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดที่จะต้องรื้อถอนอาคารดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๒ เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบจำเลยปลูกสร้างอาคารตึก ๑ ชั้น ขนาดกว้าง ๓.๕๐ – ๔.๑๐ เมตร ยาว ๑๕ เมตร ด้านหน้าอาคารมีที่ว่าง ๒.๖๕ เมตร ด้านหลังอาคารมีช่องระบายอากาศบานเกล็ดห่างที่ดินบุคคลอื่น ๕๐ เซนติเมตร โดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร การปลูกสร้างอาคารดังกล่าวไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๒๒ หัวหน้าเขตพญาไทปฏิบัติราชการแทนโจทก์ได้ สั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้าง จำเลยได้รับคำสั่งแล้วไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ร้องทุกข์เจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินคดีอาญา จำเลยให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับจำเลยเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท โจทก์มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนภายใน ๓๐ วัน จำเลยไม่อุทธรณ์คำสั่งแต่ก็ไม่รื้อถอนอาคาร ขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารดังกล่าว ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนเองโดยจำเลยเสียค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า สิ่งปลูกสร้างตามฟ้องก่อสร้างขึ้นก่อนใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ จะนำกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับย้อนหลังให้เป็นโทษแก่ประชาชนหาชอบไม่ เจ้าหน้าที่เขตพญาไททำหนังสือให้จำเลยระงับการก่อสร้างฝ่าฝืนความจริง เพราะขณะนั้นการก่อสร้างเสร็จไปหลายปีแล้ว จึงไม่อาจระงับการก่อสร้างได้ สิ่งปลูกสร้างไม่มีลักษณะเป็นอาคารที่จะต้องมีที่ว่างด้านหน้าด้านหลังดังฟ้อง และสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไม่ใช่ของจำเลย จำเลยไม่มีสิทธิที่จะรื้อถอน อาคารพิพาทสร้างด้วยวัสดุที่แข็งแรง ไม่กีดขวางหรือรุกล้ำทางสาธารณะ ไม่มีส่วนใดจะเป็นภยันตรายต่อทรัพย์สิน ชีวิต หรือร่างกายของผู้อื่น โจทก์ขอให้รื้อไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทถ้าจำเลยไม่ยอมรื้อก็ให้โจทก์รื้อถอนได้เอง โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทเกิน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๐ วรรคสองนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะที่นายสมชาย พยานโจทก์ตรวจพบอาคารพิพาท อาคารพิพาทได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว จึงล่วงเลยเวลาที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่จำต้องมีคำสั่งดังกล่าว ฉะนั้น แม้เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทเกิน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดที่จะต้องรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๒
พิพากษายืน.

Share