คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอฝ่ายเดียวที่ยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275, 276 นั้น ศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเมื่อศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้.
สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2518 เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ออกหมายบังคับคดี ความว่าระยะเวลาที่ศาลกำหนดตามคำบังคับได้ล่วงพ้นแล้ว จำเลยมิได้ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดทรัพย์ของจำเลยคือเงินเบี้ยเลี้ยงประมาณเดือนละ ๑,๘๐๐ บาท ซึ่งจำเลยจะได้รับจากกองเครื่องจักรกลงานดินกรมชลประทาน นายจ้างของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเงินเบี้ยเลี้ยงซึ่งจำเลยจะได้รับจากกรมชลประทานนายจ้างของจำเลยเป็นเงินค่าจ้าง ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๘๖ (๒) อายัดไม่ได้ ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องของโจทก์ไม่ได้ความแน่ชัดว่าเงินที่ขอให้อายัดนั้นเป็นเบี้ยเลี้ยงประจำหรือเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า เงินที่โจทก์ขออายัดเป็นเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักของจำเลยที่จำเลยมีสิทธิเบิกได้ สำหรับเบี้ยเลี้ยงเดินทางเป็นเงินที่จ่ายในการเดินทางไปราชการซึ่งมีลักษณะเพิ่มพิเศษจากค่าจ้างประจำจึงเป็นค่าจ้างตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๖ (๒) หาอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีไม่ ส่วนค่าเช่าที่พักเป็นเรื่องที่ทางราชการจ่ายให้จำเลยในการปฏิบัติราชการ จำเลยมิได้รับเป็นรายได้ส่วนตัวจึงไม่ใช่สิทธิเรียกร้องเป็นเงินของจำเลย ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีเช่นกันให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาประการแรกว่าเมื่อโจทก์ยื่นคำขอฝ่ายเดียวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๕, ๒๗๖ แล้ว ศาลต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเพราะตามมาตราทั้งสองไม่ได้บัญญัติไว้ให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำขอฝ่ายเดียวของโจทก์ได้ระบุวิธีการบังคับคดีซึ่งขอให้ออกหมายนั้นโดยขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินเบี้ยงเลี้ยงเดือนละประมาณ ๑,๘๐๐ บาท ซึ่งจำเลยจะได้รับจากกองเครื่องจักรกลงานดิน กรมชลประทานนายจ้างของจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า วิธีการบังคับคดีซึ่งขอให้ออกหมายนั้นไม่ชอบดังเช่นคดีนี้ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของจำเลยตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามมาตรา ๒๘๖ ก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
โจทก์ฎีกาประการสุดท้ายว่าค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางไม่ใช่ค่าจ้าง ส่วนค่าเช่าที่พักเป็นสิทธิเรียกร้องที่เป็นเงินของจำเลยจึงอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะโจทก์ยื่นคำขอฝ่ายเดียวให้ศาลออกหมายบังคับคดีนั้น มาตรา ๕ บัญญัติว่า ‘การจ่ายเงินตามงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และอัตราการจ้างตามพระราชกฤษฎีกานี้ ……..ฯลฯ’ มาตรา ๖ วรรคแรกบัญญัติว่า ‘ผู้เดินทางไปราชการซึ่งเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างซึ่งรับเงินเดือนหรือค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการได้ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้’ มาตรา ๘ บัญญัติว่า’การเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร ได้แก่ (๑) การเดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาหรือตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการโดยปกติ……ฯลฯ’ มาตรา ๙ บัญญัติว่า ‘ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร ได้แก่ (๑) ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง (๒)ค่าเช่าที่พัก……ฯลฯ’ มาตรา ๑๐ บัญญัติว่า ‘ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้เบิกได้ตามอัตราในบัญชี ๑ ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้’ มาตรา ๑๓ บัญญัติว่า ‘การเดินทางไปราชการวันใดที่จำเป็นต้องพักแรม……ให้เบิกค่าเช่าที่พักเหมาจ่ายได้ตามอัตราดังนี้ ……..ฯลฯ’ ตามบทบัญญัติดังกล่าวค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักก็คือค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ทางราชการจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่ได้รับคำสั่งของผู้บังคับบัญชาให้เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติตามอัตราซึ่งเหมาะสมกับสภาพการณ์ในขณะใช้พระราชกฤษฎีกานั้น ถือได้ว่าสิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักเป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติจึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ๒๘๖ (๒) โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักเดือนละประมาณ ๑,๘๐๐ บาท ซึ่งจำเลยจะได้รับจากกองเครื่องจักรกลงานดิน กรมชลประทานนายจ้างของจำเลยได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share