คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 232 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวถึงแม้จะไม่ได้ยื่นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นที่สุดตามมาตรา 236 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารพิพาทของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงสั่งไม่รับเพราะเห็นว่าต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำร้องยื่นเกิน ๑๐ วัน ส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ให้รับอุทธรณ์จำเลยในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายในกำหนด ๑๐ วัน คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งรับอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ ขอให้พิพากษากลับคำสั่งของศาลอุทธรณ์และให้ยกคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นของจำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อ ๑- ๘ และข้อ ๑๐ เพราะเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๒ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวถึงแม้จะไม่ได้ยื่นภายในกำหนด ๑๐ วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ ก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นที่สุด ตามบทบัญญัติ มาตรา ๒๓๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีการับวินิจฉัยไม่ได้
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share