แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีส่วนอาญาที่เกี่ยวเนื่องกับคดีส่วนแพ่งนี้ศาลทหารกรุงเทพวินิจฉัยว่า การที่รถจำเลยชนรถโจทก์ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเกิดจากการที่จำเลยขับรถ ฝ่าไฟแดงตามฟ้อง เหตุอาจเกิดจากความประมาทของจำเลยประการอื่น เช่นขับด้วย ความเร็วสูง แต่เมื่อมิได้ปรากฏลักษณะความประมาทดังกล่าวในฟ้องโจทก์ศาลทหารกรุงเทพจึงไม่มีหน้าที่วินิจฉัย พิพากษายกฟ้องสำหรับ คดีส่วนแพ่งที่โจทก์ฟ้องนี้ข้อที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยขับรถประมาท มี 2 ข้อคือจำเลย ขับรถฝ่าไฟแดงและจำเลยขับรถเร็วกว่าอัตรากฎหมาย กำหนด ดังนั้นข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งที่ศาลจำต้องถือตามที่ ปรากฏ ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาจึงมีเพียงว่าจำเลยมิได้ ขับรถประมาท ฝ่าไฟแดงส่วนประเด็นข้อที่ว่าจำเลยขับรถประมาทด้วยความเร็วสูง เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดศาลทหารกรุงเทพมิได้วินิจฉัยไว้และ ประเด็นว่าจำเลยขับรถประมาทด้วยความเร็วสูงกับขับรถฝ่าไฟแดงนั้น ไม่เกี่ยวเป็นส่วนประกอบกันจึงชอบที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งเฉพาะประเด็นที่ศาลทหารกรุงเทพยังมิได้วินิจฉัยคดี ส่วนอาญาให้สิ้นกระแสความก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ฝ่าไฟแดงด้วยความเร็วสูงเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดโดยประมาท ชนรถสามล้อโจทก์เสียหายและโจทก์ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ขับรถโดยประมาท แต่โจทก์เป็นฝ่ายประมาทโดยขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงโดยไม่หยุด พุ่งเข้าชนรถจำเลยเสียหาย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย โจทก์เรียกค่าเสียหายเกินความจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ เฉพาะประเด็นจำเลยขับรถประมาทด้วยความเร็วสูงและค่าเสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยขับรถประมาทมี ๒ ข้อ ข้อแรกว่าจำเลยขับรถฝ่าไฟแดง และข้อที่ ๒ ว่าจำเลยขับรถเร็วกว่าอัตรากฎหมายกำหนด คดีส่วนอาญาที่เกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่งคดีนี้ ศาลทหารกรุงเทพวินิจฉัยไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๙ ก./๒๕๒๔ ของศาลทหารดังกล่าวว่า การที่รถจำเลยชนกับโจทก์คดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเกิดจากการที่จำเลยขับรถฝ่าไฟแดงตามฟ้องเหตุอาจเกิดจากความประมาทของจำเลยประการอื่น เช่น ขับด้วยความเร็วสูงแต่เมื่อมิได้ปรากฏลักษณะความประมาทดังกล่าวในฟ้องโจทก์ ศาลทหารกรุงเทพจึงไม่มีหน้าที่วินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ดังนั้นข้อเท็จจริงในคดีนี้ที่ศาลจำต้องถือตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาจึงมีเพียงว่าจำเลยมิได้ขับรถประมาทฝ่าไฟแดง ส่วนประเด็นข้อที่ว่าจำเลยขับรถประมาทโดยขับรถด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ศาลทหารกรุงเทพมิได้วินิจฉัยไว้เพราะไม่มีประเด็นในคดีอาญานั้น และประเด็นว่าจำเลยขับรถประมาทด้วยความเร็วสูงกับขับรถฝ่าไฟแดงหาได้เกี่ยวเป็นส่วนประกอบกันดังที่จำเลยฎีกาไม่เพราะถ้าจำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงเมื่อได้สัญญาณไฟเขียวชนรถโจทก์ ซึ่งแล่นตัดหน้าผ่านสี่แยกเพราะได้สัญญาณไฟเขียวในด้านรถของโจทก์ก่อน แต่ขับยังไม่พ้นสี่แยก จำเลยก็อาจจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ หรือถ้าจำเลยขับรถช้าแต่ฝ่าไฟแดงชนรถโจทก์เสียหาย จำเลยก็อาจต้องชดใช้เช่นเดียวกัน ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยในคดีทางแพ่งเฉพาะประเด็นที่ศาลทหารกรุงเทพยังมิได้วินิจฉัยคดีส่วนอาญาให้สิ้นกระแสความก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ในประเด็นที่ว่าจำเลยขับรถประมาทด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนดชนรถโจทก์เสียหาย และประเด็นค่าเสียหายจึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายืน