แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เพียงนำเช็คพิพาทไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าบัญชีของจำเลยมีเงินหรือไม่เท่านั้น ไม่ปรากฏว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนั้นความผิดของจำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้น อายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 จึงยังไม่เริ่มนับ อายุความต้องเริ่มนับในวันที่โจทก์นำเช็คไปยื่นเพื่อเรียกเก็บเงิน และธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินดังที่ปรากฏหลักฐานตามเช็คและใบคืนเช็ค
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ให้จำคุก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาในวันเช็คถึงกำหนดชำระเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ โจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปสอบถามทางธนาคารว่าบัญชีของจำเลยมีเงินอยู่หรือไม่ และธนาคารก็ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว จึงต้องเริ่มนับอายุความในวันนั้นซึ่งคดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว เห็นว่าความผิดเกี่ยวกับการใช้เช็คเกิดขึ้นและเริ่มนับอายุความได้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจริงแต่คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ โจทก์เพียงนำเช็คพิพาทไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าบัญชีของจำเลยมีเงินหรือไม่เท่านั้น ไม่ปรากฏว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามข้ออ้างของจำเลยและโจทก์ก็มิได้ขอเรียกเก็บเงินตามเช็คด้วย หากมีการเรียกเก็บเงินตามเช็คในวันนั้นและจำเลยไม่มีเงินในธนาคารหรือมีไม่พอ แต่จำเลยได้ทำความตกลงกับธนาคารไว้ก่อน ธนาคารก็ยังจ่ายเงินตามเช็คให้โจทก์ได้ หาใช่เป็นกรณีที่ธนาคารจะต้องปฏิเสธการจ่ายเงินอย่างเด็ดขาดไม่ ดังนั้นความผิดของจำเลยยังไม่เกิด ความผิดเพิ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๒๕ อันเป็นวันที่โจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงิน และธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินมีหลักฐานตามเช็คและใบคืนเช็คต้องเริ่มนับอายุความในวันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๒๖ ซึ่งยังไม่ครบ ๓ เดือน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๖
พิพากษายืน.