คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การที่จำเลยนำเรื่องการจ่ายเงินค่าทดแทนการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับคณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เสนอปรึกษาหารือคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย แล้วรอการจ่ายเงินค่าทดแทนบางส่วนของโจทก์ไว้ตามมติของคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ย่อมเป็นการกระทำตามหน้าที่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา ฯ พ.ศ. 2521 และพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มิได้เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และไม่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต จึงไม่เป็นความผิด

ย่อยาว

โจกท์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้อำนวยการการทางเรือแห่งปะรเทศไทยและเป็นเจ้หน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ จำเลยมีหน้าที่จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนจากการถูกเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นตามจำนวนที่โจทก์ตกลงไว้กับคณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์รวมเป็นเงิน ๒๖,๐๓๐,๐๙๔ บาท จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ จำเลยนำข้อตกลงการจ่ายเงินค่าทดแทนที่โจทก์ทำไว้กับคณะกรรมการเวนคืนอันว่าเป็นราคาเด็ดขาดแล้ว เสนอขออนุมัติการจ่ายเงินต่อคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยมีมติไม่อนุมัติการจ่ายเงินค่าทดแทนและให้จำเลยไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมาได้มีมติให้จ่ายเงินได้ จำเลยได้เบิกเงินมาแล้วแต่ไม่จ่ายเงินให้โจทก์ โดยจำเลยร่วมกับพวกนำขอเสนอเรื่องจ่ายเงินค่าทดแทนเฉพาะที่ดินและไม่ให้จ่ายเงินทดแทนสำหรับสับปะรดไม้ยืนต้น บ่อเลี้ยงกุ้งและปลาเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยคณะกรรมการมีมติให้จ่ายเงินทดแทนเฉพาะค่าที่ดินก่อน ต่อมาจำเลยได้เบิกเงิน ๒๖,๐๓๐,๐๙๔ บาทมาแล้ว แต่จำเลยกลับป้องกันและขัดขวางมิให้มีการจ่ายเงินค่าทดแทนโดยอาศัยข้อเสนอขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นการมิชอบแล้วไม่จ่ายเงินค่าทดแทนแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๑, ๑๕๗, ๑๒๕, ๘๓, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ความผิดตามมาตรา ๑๖๕ ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายถึงศาลฎีกาจะต้องถือข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า การที่จำเลยนำเรื่องการจ่ายเงินค่าทดแทนการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับคณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เสนอปรึกษาหารือคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทสไทย แล้วรอการจ่ายเงินค่าทดแทนบางส่วนของโจทก์ไว้ก่อนนั้น เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของจำเลย เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งรัฐไม่เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจำเลยมิได้กระทำการทุจริตอันใดในหน้าที่ เห็นว่าพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา และตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๓ บัญญัติให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์มิได้ระบุจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เป็นการส่วนตัว เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์และผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องต่อกันโดยแท้ ดังนั้นผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงต้องกระทำการตามหน้าที่อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวและพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ควบคู่ไปด้วยกัน หาได้ทำหน้าที่แยกออกจากกันเด็ดขาดดังโจทก์ฎีกาไม่ ฉะนั้นการที่จำเลยนำเรื่องการจ่ายเงินค่าทดแทนเสนอคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาและจำเลยได้รอการจ่ายเงินค่าทดแทนบางส่วนของโจทก์ไว้ตามมติของคณะกรรมการของการท่าเรือ ฯ เช่นนี้ จึงเป็นการกระทำความหน้าที่ภายใต้บังคับของกฎหมายสองฉบับดังกล่าว การกระทำของจำเลยมิได้เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และไม่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share