คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขับรถยนต์บรรทุกสินค้าล้อบรรทุกหินมาเต็มคันรถ คลัตช์รถเสียจะต้องจอดรถ แม้ถนนบริเวณนั้นมีไหล่ทางแต่ปรากฏว่าไหล่ทางกว้างเพียง 1.40 เมตร หากจอดรถบนไหล่ทางไหล่ทางอาจทรุดได้ จึงเป็นกรณีจำเป็นที่จำเลยต้องจอดรถในทางเดินรถจำเลยจอดรถไว้บนถนนด้านซ้าย ล้อรถด้านซ้ายอยู่บนขอบผิวจราจรพอดีผิวจราจรถนนกว้าง 6 เมตรตัวรถกว้าง 2.40 เมตร ทางด้านขวาของรถยังมีผิวจราจรเหลืออีก 3.60 เมตร เห็นว่าจำเลยได้จอดรถในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา56 แล้ว แต่การที่จำเลยได้นำก้อนหินและกิ่งไม้มาวางไว้ด้านหลังรถและเมื่อถึงเวลากลางคืนจำเลยได้เปิดไฟหรี่หน้ารถและไฟท้ายรถไว้ มิใช่เป็นการแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะที่ระบุในข้อ 1 (1) และเงื่อนไขในข้อ 2 ข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 จำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 56 อันมีบทลงโทษตามมาตรา 152
ขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟไว้ท้ายรถ 3 ดวง สว่างมากมองเห็นได้ในระยะ 100 เมตร ย่อมทำให้ผู้ขับรถมาทางด้านหลังสามารถมองเห็นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างเพียงพอที่ผู้นั้นจะหยุดรถหรือหลบหลีกไปได้แล้ว เป็นการ ป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้นแก่บุคคลอื่นได้ไม่น้อยกว่าการแสดงเครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 ทั้งไม่ปรากฏว่าปกติในกรณีนี้ผู้ขับรถจะแสดงกันแต่เครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขในกฎกระทรวงเท่านั้น ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว การที่มีคนขับรถจักรยานยนต์พุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ เป็นเหตุให้คนขับและคนซ้อนท้ายถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดจากการละเว้นการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมโดยเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๒๔ เวลากลางวันและเวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกัน จำเลยได้ใช้รถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ช.บ. ๔๔๔๓๒ โดยมิได้จดทะเบียนเสียภาษีประจำปี และเมื่อจำเลยขับรถยนต์ดังกล่าวไปตามถนนสายตะพานหิน – เพชรบูรณ์ ระหว่างทางเครื่องยนต์และอุปกรณ์ของรถเกิดขัดข้องต้องจอดในทางเดินรถ จำเลยได้กระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ กล่าวคือ จำเลยไม่นำรถให้พ้นทางโดยเร็วที่สุดแต่ได้จอดรถบนถนนดังกล่าวอันเป็นที่มืดในลักษณะที่กีดขวางการจราจรและไม่แสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นเหตุให้นายสวัสดิ์ ใบผะออม หรือใบพะออมขับขี่รถยนต์โดยมีนายประเสริฐ อุ่นหลาบ ซ้อนท้ายไม่สามารถมองเห็นรถยนต์ที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างพอสมควรจึงไม่สามารถหยุดรถจักรยานยนต์หรือหลบหนีรถยนต์ที่จำเลยจอดไว้ทันรถจักรยานยนต์ที่นายสวัสดิ์ ใบผะออมหรือใบพะออมขับชนรถยนต์ที่จำเลยจอดไว้ เป็นเหตุให้นายสวัสดิ์ ใบผะออมหรือใบพะออม และนายประเสริฐอุ่นหลาบ ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑, ๒๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๖, ๑๕๒พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๑, ๑๔๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๑, ๑๔๘ ให้ปรับ ๕,๐๐๐ บาท คำรับจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงปรับ ๒,๕๐๐ บาท ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๖, ๑๕๒ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ อันเป็นบทหนัก จำคุกมีกำหนด๓ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุกหินมาเต็มคันรถ คลัตช์รถเสียจะต้องจอดรถ แม้ถนนบริเวณนั้นมีไหล่ทาง แต่ปรากฏว่าไหล่ทางกว้างเพียง ๑.๔๐ เมตร หากจอดรถบนไหล่ทางอาจทรุดได้ จึงเป็นกรณีจำเป็นที่จำเลยต้องจอดรถในทางเดินรถ จำเลยจอดรถไว้บนถนนด้านซ้าย ล้อรถด้านซ้ายอยู่บนขอบผิวจราจรพอดี ผิวจราจรถนนกว้าง ๖ เมตร ตัวรถกว้าง ๒.๔๐เมตร ทางด้านขวาของรถยังมีผิวจราจรเหลืออีก ๓.๖๐ เมตร เห็นว่าจำเลยได้จอดในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจรแล้ว แต่การที่จำเลยจอดรถไว้โดยมิได้แสดงเครื่องหมายตามลักษณะที่ระบุในข้อ ๑(๑) และเงื่อนไขในข้อ ๒ ข้อ ๕ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ จำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๖ อันมีบทลงโทษตามมาตรา ๑๕๖ การที่จำเลยได้นำก้อนหินและกิ่งไม้มาวางไว้ด้านหลังรถและเมื่อถึงเวลากลางคืนจำเลยได้เปิดไฟหรี่หน้ารถและไฟท้ายรถไว้ มิใช่เป็นการแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงไม่ทำให้จำเลยพ้นผิด
ในขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟไว้ท้ายรถ ๓ ดวง สว่างมากมองเห็นได้ในระยะ๑๐๐ เมตร ย่อมทำให้ผู้ขับรถมาทางด้านหลังสามารถมองเห็นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างเพียงพอที่ผู้นั้นจะหยุดรถหรือหลบหนีไปได้แล้ว เป็นการป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้นแก่บุคคลอื่นได้ไม่น้อยกว่าการแสดงเครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งไม่ปรากฏว่าปกติในกรณีนี้ผู้ขับจะแสดงกันแต่เครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขในกฎกระทรวงเท่านั้น เห็นว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่วบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้วหาเป็นการกระทำโดยประมาทไม่ การที่นายสวัสดิ์ขับรถจักรยานยนต์มีนายประเสริฐซ้อนท้ายพุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้เป็นเหตุให้คนทั้งสองถึงแก่ความตาย ไม่ได้เกิดจากการละเว้นการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้มา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๑ กำหนดโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๖, ๑๕๒ ให้ปรับ ๕๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share