แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การตั้งตัวแทนซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไปซึ่งจำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น เมื่อฟังได้ว่าตัวการซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าและรับสินค้าไว้ อันถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้แล้ว ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยที่ 1 เคยเป็นลูกจ้างโจทก์ทำหน้าที่พนักงานขาย จำเลยที่ 2เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด โจทก์ห้ามมิให้จำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าของโจทก์ในนามของจำเลยที่ 2. จำเลยที่ 1 จึงใช้ชื่อจำเลยที่ 4 ซื้อสินค้าแทนจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างจำเลยที่ 2 ก็มีส่วนร่วมในการซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยแอบอ้างชื่อจำเลยที่ 4 เป็นผู้ซื้อแทนจำเลยที่ 2 อันถือได้ว่าเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 จำเลยที่ 1 จึง ต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ ๑ เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดและจำเลยที่ ๓ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ ๔ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ ๕ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยทั้งห้าร่วมกันสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์หลายครั้งรวมเป็นเงิน ๒๘๔,๒๓๐.๘๐ บาท แล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ เคยเป็นลูกจ้างของโจทก์ สินค้าตามฟ้องจำเลยที่ ๑ ได้ขายให้จำเลยที่ ๔ โดยความยินยอมเห็นชอบของกรรมการของโจทก์จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มิได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ที่ ๔ และที่ ๕ สั่งซื้อสินค้าตามฟ้อง การที่โจทก์หรือจำเลยที่ ๑ ส่งสินค้าตามฟ้องให้จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ให้การว่าไม่เคยสั่งซื้อสินค้าหรือร่วมกับจำเลยอื่นสั่งซื้อสินค้าตามฟ้อง จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ถูกแอบอ้างชื่อว่าเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ มิได้ร่วมกันสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ซื้อสินค้าจากโจทก์เป็นเงิน ๕๓,๓๘๙.๔๐ บาทและยังไม่ชำระราคา พิพากษาให้จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ ร่วมกันใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ชำระหนี้โจทก์เป็นเงิน ๒๐๔,๑๓๑.๙๐ บาท โดยให้จำเลยที่ ๑ รับผิดในฐานะเป็นหุ้นส่วนจำกัดในวงเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท นอกนั้นให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันรับผิดในส่วนที่เหลือกับให้จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ ร่วมกันรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงิน ๘๐,๐๙๘.๙๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ขายเชื่อสินค้าไปเป็นเงิน ๒๘๔,๒๓๐.๘๐ บาทโดยระบุในใบรับสินค้าว่าจำเลยที่ ๔ เป็นผู้ซื้อ ใบรับสินค้าส่วนหนึ่งรวมเป็นเงิน ๘๐,๐๙๘.๙๐ บาท มีลูกจ้างของจำเลยที่ ๔ เป็นผู้ชื่อรับสินค้า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ เป็นผู้ซื้อสินค้าร่วมกับจำเลยที่ ๔ และที่ ๕ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ค่าสินค้าจำนวน ๘๐,๐๙๘.๙๐ บาท ส่วนใบรับสินค้าที่เหลือรวมเป็น ๒๐๔,๑๓๑.๙๐ บาทลูกจ้างหรือพนักงานของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ลงชื่อรับสินค้าไว้จากโจทก์ โดยความรู้เห็นของจำเลยที่ ๑ และนายขจรน้องจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีอำนาจสั่งซื้อสินค้าแทนจำเลยที่ ๒ ข้อเท็จจริงย่อมฟังได้ต่อไปว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ซื้อสินค้าดังกล่าวจากโจทก์ ที่จำเลย ๒ และที่ ๓ ฎีกาว่าการตั้งตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไปจำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้นเมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ซื้อสินค้าและรับสินค้าไว้จากโจทก์ อันถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้แล้ว จึงไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ ๒ จะปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอย่างใดนำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ ๔ และที่ ๕ เป็นผู้สั่งซื้อสินค้าดังกล่าวหรือมีส่วนรู้เห็นให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ใช้ชื่อจำเลยที่ ๔ เป็นผู้ซื้อสินค้า จำเลยที่ ๔ และที่ ๕ จึงหาต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ค่าสินค้าจำนวนนี้ไม่แต่จำเลยที่ ๑ นั้น แม้จะเป็นหุ้นส่วนในห้างจำเลยที่ ๒ จำพวกจำกัดความรับผิด ก็มีส่วนร่วมในการซื้อสินค้าดังกล่าวจากโจทก์ด้วย โดยแอบอ้างชื่อจำเลยที่ ๔ เป็นเหตุผู้ซื้อแทนจำเลยที่ ๒ ซึ่งโจทก์ไม่ยอมขายสินค้าให้ อันถือได้ว่าเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๘๘ ดังนี้ จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ชำระหนี้ค่าสินค้าจำนวน ๒๐๔,๑๓๑.๙๐ บาทแก่โจทก์โดยไม่จำกัดจำนวน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันชำระหนี้ค่าสินค้าเป็นเงิน ๒๐๔,๑๓๑.๙๐ บาทแก่โจทก์โดยไม่จำกัดจำนวน