แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์แสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นภริยาของ พ.ดังนั้นเมื่อจำเลยบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์แล้ว พ. ร้องขัดทรัพย์ว่าเป็นของตน จำเลยจึงฟ้องโจทก์กับ พ. เป็นคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้ และเบิกความว่า “โจทก์เป็นภริยาลับ พ.อยู่กินกันอย่างไม่เปิดเผยนานๆ ไปมาหาสู่กันครั้ง” คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นถ้อยคำของคู่ความในกระบวนพิจารณาในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยเอง และเป็นการกระทำไปโดยสุจริต จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นหญิงโสด มิได้สมรสและไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายใด จำเลยเบิกความต่อศาลว่าโจทก์เป็นภริยาลับของพันเอกพิบูลย์ซึ่งเป็นข้อความที่ฝ่าฝืนความจริง โดยเจตนาไม่สุจริต จงใจให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเบิกความไปตามความเป็นจริงเพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลย ไม่เป็นละเมิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่า การที่จำเลยเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้ว่า “โจทก์เป็นภริยาลับพันเอกพิบูลย์ อยู่กินกันอย่างไม่เปิดเผย นาน ๆ ไปมาหาสู่กันครั้ง” นั้นเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ไม่เคยมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพันเอกพิบูลย์พันเอกพิบูลย์กับโจทก์ติดต่อทางธุรกิจกันซื้อขายที่ดิน พันเอกพิบูลย์ได้ซื้อที่ดินจากโจทก์เมื่อมีคดีที่จำเลยยืนฟ้องโจทก์พันเอกพิบูลย์จึงร้องขัดทรัพย์จำเลยนำสืบว่า การที่จำเลยเบิกความด้วยข้อความที่โจทก์ฟ้องเช่นนั้น ก็เพื่อให้ศาลเห็นว่าโจทก์กับพันเอกพิบูลย์เป็นตัวการร่วมกันโกงเจ้าหนี้โดยมีความเกี่ยวข้องเป็นสามีภริยากันเพราะพฤติการณ์ของคนทั้งสองเป็นที่ปรากฏแก่พยานโจทก์คือ นางวารินา สินภูธรณ์ นางจิรวรรณ รอดภัย และนายนรินทร์ รามาตย์ โดยนางวารินาเป็นผู้พาโจทก์ไปกู้เงินบิดาจำเลย นางจิรวรรณเป็นผู้เช่าบ้านโจทก์อยู่ ๑ ห้อง นายนรินทร์เป็นผู้ทวงเงินที่โจทก์ค้างชำระบิดาจำเลย พยานทั้งสามต่างเบิกความว่าโจทก์พูดกล่าวอ้างตนว่าเป็นภริยาพันเอกพิบูลย์ และขณะที่นางจิรวรรณเช่าบ้านโจทก์อยู่นั้นเคยเห็นพันเอกพิบูลย์ไปมาหาสู่กับโจทก์ที่บ้านครั้งหนึ่ง นอกจากนี้จำเลยนำสืบอ้างเอกสารหมาย ล.๑ ล.๒ ล.๓ แสดงการผัดผ่อนชำระหนี้ของโจทก์ต่อจำเลยซึ่งอ้างถึงพันเอกพิบูลย์จะเป็นผู้ชำระหนี้ให้จำเลยแทนโจทก์ ข้อเท็จจริงที่โจทก์มีความสัมพันธ์กับพันเอกพิบูลย์ถึงขนาดแสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นภริยาพันเอกพิบูลย์และให้พันเอกพิบูลย์ชำระหนี้แทนโจทก์เช่นนี้ เห็นว่าย่อมทำให้ผู้อื่นที่เกี่ยวข้องและจำเลยเชื่อได้ว่าโจทก์กับพันเอกพิบูลย์ต้องมีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนรู้จักกันธรรมดาดังนั้น เมื่อจำเลยบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์แล้วพันเอกพิบูลย์ร้องขัดทรัพย์เป็นของตนทั้ง ๆที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว จำเลยจึงฟ้องโจทก์กับพันเอกพิบูลย์เป็นคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้และเบิกความดังกล่าว คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นถ้อยคำของคู่ความในกระบวนพิจารณาในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยเองและเป็นการกระทำไปโดยสุจริตจึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งที่มีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นดังที่โจทก์ฎีกามา การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน