คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสี่และบิดาจำเลยร่วมกันครอบครองที่นามรดกแปลงพิพาทต่อจากเจ้ามรดก ถือได้ว่าร่วมกันรับมรดกดังกล่าวและเป็นเจ้าของที่นามรดกรายนี้ร่วมกันแล้ว แม้ภายหลังบิดาจำเลยจะเป็นฝ่ายครอบครองที่นาพิพาทแต่เพียงผู้เดียวก็ต้องถือว่าครอบครองในฐานะเจ้าของร่วมกันและแทนกัน มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 จำเลยอยู่ในฐานะผู้สืบสิทธิของบิดาจำเลย การที่บิดาจำเลยยกที่นาแปลงพิพาทให้แก่บุตรของตนรวมทั้งจำเลยแล้วจำเลยเอาที่นาดังกล่าวขอออก น.ส.3 เป็นชื่อจำเลยและพี่น้อง ไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองในที่นาแปลงพิพาทในส่วนของโจทก์ทั้งสี่ เมื่อโจทก์ทั้งสี่ยื่นฟ้องจำเลยยังไม่ถึง 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยไม่ยินยอมแบ่งที่นาแปลงพิพาทให้ โดยอ้างว่าที่นาดังกล่าวเป็นของจำเลยและพี่น้องของจำเลย โจทก์จึงไม่หมดสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนซึ่งการครอบครอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าบิดาจำเลยและโจทก์ทั้งสี่เป็นบุตรร่วมบิดามารดาเดียวกันซึ่งถึงแก่กรรมไป โดยมีมรดกเป็นที่นาอยู่ ๑ แปลงตกทอดมายังบุตรทุกคนและยังไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัด โจทก์ทั้งสี่และบิดาจำเลยครอบครองทำกินร่วมกันตลอดมาจนบิดาจำเลยถึงแก่กรรม หลังจากนั้นโจทก์ทั้งสี่ขอแบ่งที่นาจากจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมแบ่งให้อ้างว่าเป็นของจำเลยผู้เดียว ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่นารายพิพาทเป็นมรดกได้แก่โจทก์ทั้งสี่และบิดาจำเลย ให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วน
จำเลยให้การว่า บิดาจำเลยเป็นเจ้าของที่นารายพิพาทโดยการครอบครองทำประโยชน์และก่อนถึงแก่กรรมได้ให้ที่นาแปลงนี้แก่บุตรคนอื่น ๆ รวมทั้งจำเลย ที่นาดังกล่าวไม่ใช่มรดกของบิดามารดาของบิดาจำเลยและโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่ไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ร่วมกับบิดาจำเลยและจำเลยจึงไม่มีสิทธิในที่นารายพิพาท
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสี่และบิดาจำเลยได้ร่วมกันครอบครองที่นามรดกภายหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่กรรม ถือได้ว่าร่วมกันรับมรดกและเป็นเจ้าของที่นามรดกร่วมกันแล้ว แม้ภายหลังบิดาจำเลยจะครอบครองที่นาพิพาทแต่ผู้เดียว ก็ต้องถือว่าครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของร่วมกันและแทนกัน มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ จำเลยอยู่ในฐานะผู้สืบสิทธิของบิดาจำเลย การที่บิดาจำเลยยกที่นาแปลงพิพาทให้แก่บุตรของตนรวมทั้งจำเลย แล้วจำเลยเอาที่นาดังกล่าวไปขอออก น.ส.๓ เป็นชื่อจำเลยและพี่น้องโดยโจทก์ทั้งสี่มิได้รู้เห็นยินยอมไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองในที่นาแปลงพิพาทส่วนของโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดียังไม่ถึง ๑ ปี นับแต่วันที่จำเลยไม่ยินยอมแบ่งที่นาแปลงพิพาทให้โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยและพี่น้อง จึงไม่หมดสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนซึ่งการครอบครอง
พิพากษากลับเป็นว่าที่นาแปลงพิพาทเป็นมรดกซึ่งตกทอดมายังบิดาจำเลยและโจทก์ทั้งสี่ ให้จำเลยแบ่งที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสี่

Share