แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเช่นกัน และบาดแผลไม่ถึงสาหัส พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ดังนี้ ข้อหาฐานพยายามฆ่าต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 จึงต้องห้ามคดีของโจทก์จึงไม่อาจขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาและถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297ด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2526)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเสพย์สุรามึนเมาประพฤติวุ่นวายในถนนสาธารณะพกพาอาวุธมีดไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควร และใช้มีดดังกล่าวเป็นอาวุธแทงทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้วแต่ไม่บรรลุผล เพราะมีผู้ห้ามปรามและแพทย์รักษาบาดแผลของผู้เสียหายได้ทันท่วงทีผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 371, 378, 91, 92
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 371, 378 ลงโทษจำคุกและปรับ
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ลงโทษจำคุก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาฐานพยายามฆ่านั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า ฎีกาโจทก์ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 อย่างไรก็ดี แม้โจทก์จะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 แต่ก็ยังคงมีปัญหาว่า ตามฎีกาของโจทก์จะถือได้หรือไม่ว่าเป็นการฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้น เท่ากับว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ด้วย ปัญหานี้ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่มีมติว่าเมื่อฎีกาโจทก์ต้องห้ามเสียแล้ว คดีจึงไม่อาจขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาได้ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ด้วย
พิพากษายกฎีกาโจทก์