คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาตามคำขอของโจทก์ว่า ให้จำเลยยอมรับการไถ่ถอนที่ดินทั้งสองแปลงตามฟ้องในราคา 64,000 บาท จากโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแทนเพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับได้เนื่องจากจำเลยโอนที่ดินให้แก่บุตรแล้ว จึงเป็นการบังคับจำเลยนอกเหนือจากคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งเช่นนั้น
บทบัญญัติมาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นเรื่องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาลหรือโดยทางเจ้าพนักงานของศาล มิได้หมายความว่า ถ้าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ใช้ค่าเสียหายแทนทั้งที่มิได้พิพากษาเช่นนั้น ซึ่งเป็นการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับไถ่ถอนที่ดิน ๒ แปลง ราคา ๖๔,๐๐๐ บาท จากโจทก์ คดีถึงที่สุด โจทก์วางเงินค่าไถ่ที่ดินตามคำพิพากษาต่อศาลแล้วแต่จำเลยไม่โอนที่ดินให้โจทก์ ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อสอบถาม จำเลยแถลงว่าที่ดินแปลง น.ส.๓ เลขที่ ๑๒๒ โจทก์ขายให้จำเลยอย่างขายขาด ไม่ใช่ขายฝากและจำเลยได้ยกให้บุตรไปแล้วบุตรไม่ยอมคืนให้จึงไม่สามารถโอนให้โจทก์ ส่วนอีกแปลงหนึ่งจำเลยได้ประกาศโอนให้โจทก์แล้วจำเลยมิได้จงใจไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อสภาพแห่งหนี้หรือสิทธิได้ตกไปยังบุคคลภายนอกแล้ว ตั้งแต่ก่อนฟ้องคดี โจทก์มิได้มีคำขอให้เพิกถอนการโอนระหว่างจำเลยกับบุตรมาด้วย ผลแห่งคำพิพากษาจึงไม่มีสภาพบังคับไปถึงการโอนนั้น ๆ ถือได้ว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับกันได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและผลแห่งคำพิพากษาในที่สุด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๗๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและมาตรา ๒๑๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามสภาพแห่งความเป็นจริงที่โจทก์ต้องเสียหายไปทั้งหมด แต่ขณะนี้โจทก์ยังไม่ยอมรับค่าเสียหายและยังมิได้กำหนด ศาลจึงให้โจทก์ประเมินค่าเสียหายมาให้ทราบ หากจำเลยไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายตามที่ศาลเห็นสมควร ก็จะได้ยึดทรัพย์จำเลยขายทอดตลาดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นบังคับคดีไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในคำพิพากษา หากสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับคดีได้ ก็ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้บังคับจำเลยยอมรับการไถ่ถอนที่ดิน ๒ แปลงในราคา ๖๔,๐๐๐ บาท จากโจทก์ไม่ได้มีคำขอว่า ถ้าไม่สามารถโอนที่ดินคืนก็ให้ใช้ค่าเสียหายแทน ศาลพิพากษาตามคำขอของโจทก์ว่าให้จำเลยยอมรับการไถ่ถอนที่ดินทั้งสองแปลงตามฟ้องในราคา ๖๔,๐๐๐ บาท จากโจทก์ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแทนเพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับได้เนื่องจากจำเลยโอนที่ดินให้แก่บุตรแล้ว จึงเป็นการบังคับจำเลยนอกเหนือจากคำพิพากษา ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา ๒๗๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น เห็นว่าบทบัญญัติ มาตรา ๒๗๖ เป็นเรื่องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาลหรือโดยทางเจ้าพนักงานของศาล มิได้หมายความว่า ถ้าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ใช้ค่าเสียหายแทนทั้ง ๆ ที่ศาลไม่ได้พิพากษาเช่นนั้น ซึ่งเป็นการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา
พิพากษายืน

Share