คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมขายที่ดินคืนแก่โจทก์เพราะเข้าใจผิดคิดว่าโจทก์เป็นทายาทของเจ้ามรดก ก็เป็นเรื่องจำเลยสำคัญผิดต่อฐานะทางกฎหมายของโจทก์เท่านั้น หาใช่ความสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลซึ่งตามปกติย่อมเป็นสาระสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 120 อันจะทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆียะไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรเขยของนางนาค เมื่อนางนาคตายทายาทอื่นของนางนาคได้ขายที่นาของนางนาคให้จำเลย ต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๙ โจทก์ได้ติดต่อขอซื้อที่นาแปลงดังกล่าวคืน จำเลยยอมให้โจทก์ซื้อคืนใน พ.ศ. ๒๕๒๐ ราคา ๔๓,๐๐๐ บาท ปรากฏตามสัญญาประนีประนอมยอมความท้ายฟ้อง ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนขายให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ซื้อที่นาตามฟ้องในราคา ๔๓,๐๐๐ บาท และใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จนกว่าจะยอมให้ซื้อที่นาคืน
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์ไม่ใช่ทายาทของนางนาค สัญญาประนีประนอมยอมความตามฟ้องเกิดจากการข่มขู่และสำคัญผิดในตัวทายาท อันเป็นสาระสำคัญแห่งสัญญาจึงเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทแก่โจทก์
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยยอมลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะเข้าใจผิดคิดว่าโจทก์เป็นทายาทของเจ้ามรดก เป็นการสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลซึ่งเป็นสาระสำคัญของสัญญานั้น เห็นว่าแม้จะเป็นความจริงดังที่จำเลยกล่าวอ้าง ก็เป็นเรื่องที่จำเลยสำคัญผิดต่อฐานะทางกฎหมายของโจทก์เท่านั้น หาใช่ความสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๐ อันจะทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆียะไม่
พิพากษายืน

Share