คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นพนักงานธนาคารออมสิน จำเลยได้เบิกเงินค่าเล่าเรียนจากจำเลยไปโดยไม่มีสิทธิ จำเลยย่อมมีสิทธิเรียกคืนได้ตามระเบียบวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุต รและการยืมเงินทดรองสิทธิเรียกร้องเงินของจำเลยที่จ่ายให้โจทก์ไปโดยไม่ถูกต้องดังกล่าวคืนนั้น ไม่ใช่สิทธิเรียกร้องที่ยังมีข้อต่อสู้อยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 344 จำเลยมีสิทธิหักเงินเดือนโจทก์เพื่อชดใช้เงินซึ่งโจทก์เบิกไปโดยมิชอบได้ไม่ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยตำแหน่งประจำแผนกจ่ายเงินกองรักษาเงิน ฝ่ายการบัญชี อัตราเงินเดือนเดือนละ ๙,๓๒๐ บาท มีสิทธิรับเงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจำเลยปฏิบัติฝ่าฝืนประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๓๐ โดยสั่งหักหนี้อื่นจากเงินเดือนของโจทก์ เพื่อชดใช้เงินค่าเล่าเรียนบุตรซึ่งโจทก์เบิกไปโดยได้รับอนุญาตการจ่ายแล้ว ตามระเบียบการธนาคารออมสินฉบับที่ ๑๔๐ ประกอบกับคำสั่งที่ ๓๓/๒๕๒๐ ต่อมามีการโต้แย้งการเบิกจ่ายเงินจำนวนนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยยังไม่ยุติตามระเบียบการธนาคารออมสินฉบับที่ ๑๔๐ จำเลยกลับสั่งหักเงินเดือนของโจทก์จำนวน ๑,๒๘๐ บาท โดยหักเดือนเมษายน ๒๕๒๕ เป็นเงิน ๖๔๐ บาท และเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๕ เป็นเงิน ๖๔๐ บาท เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๔ เพราะสิทธิเรียกร้องยังมีข้อต่อสู้อยู่หักกลบลบหนี้ไม่ได้ ทั้งจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ ๑๔๐ และคำสั่งที่ ๓๓/๒๕๒๐ อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่จดทะเบียนแล้ว โดยโจทก์เบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรมีการตรวจสอบและอนุญาตจ่ายเงินแล้วจากตัวแทนของจำเลยจำเลยจะโต้แย้งอีกไม่ได้ และตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ ๑๔๐ ข้อ ๑๐ กำหนดว่าในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบการนี้ให้คณะกรรมการธนาคารออมสินเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด แต่จำเลยโดยผู้อำนวยการกลับเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดสั่งหักเงินเดือนโจทก์ ซึ่งตามระเบียบการธนาคารออมสินฉบับที่ ๑๔๐ ไม่ได้ให้จำเลยมีอำนาจหักเงินเดือนของโจทก์กรณีดังกล่าวการกระทำของจำเลยฝ่าฝืนข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๒๘๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่จำเลยหักเงินเดือนโจทก์จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ใช้สิทธิในการเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร โจทก์ไม่ถูกต้องตามระเบียบการธนาคารออมสินฉบับที่ ๑๔๐ และ ๑๖๒ โดยเบิกเงินที่มิใช่ค่าเล่าเรียนรวม ๒ ครั้ง เป็นเงิน ๑,๒๘๐ บาท คือนำค่าอาหาร ๖๐๐ บาท ค่าอุปกรณ์การเรียน ๔๐ บาท ของเด็กชายเอกพล พานิช บุตรโจทก์ซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลเบญจมาศ เบิกตาม อส.๒๐ เลขที่ ๓๔๒๒๓๒ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๔ และ อส.๒๐ เลขที่ ๓๔๑๗๗๘ ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๔ โดยเบิกรวมกับค่าเล่าเรียนเพราะโจทก์หลงผิดเข้าใจว่าค่าอาหารและค่าอุปกรณ์การเรียนดังกล่าวเป็นค่าเล่าเรียนหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งสถานศึกษาของเอกชนเรียกเก็บตามอัตราที่รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ความจริงมิได้มีความหมายเช่นนั้น โจทก์เบิกเงินค่าอาหารและค่าอุปกรณ์การเรียน ๒ ครั้งเป็นเงิน ๑,๒๘๐ บาท มิใช่เป็นการเบิกเงินตามเจนารมณ์ของเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตรตามระเบียบการฉบับที่ ๑๔๐ และ ๑๖๒ ค่าเล่าเรียนตามระเบียบการฉบับที่ ๑๔๐ ข้อ ๓ หมายความเพียงว่าเกี่ยวกับค่าเล่าเรียนซึ่งปัจจุบันเรียกว่าค่าธรรมเนียมการเรียนส่วนค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมการเรียนหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งมีความหมายเป็นค่าเล่าเรียนนั้นต้องเป็นไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้แต่ละปีว่าจะเบิกได้ประเภทใดเพียงใด ในปีการศึกษาที่โจทก์นำค่าอาหารและค่าอุปกรณ์การเรียนมาเบิกนั้นกระทรวงศึกษาธิการมิได้กำหนดว่าให้เบิกได้ ให้เบิกเฉพาะค่าเล่าเรียนครั้งละ ๖๐๐ บาทเท่านั้น ที่โจทก์อ้างว่าโต้แย้งกันอยู่ ความจริงจำเลยชี้แจงให้โจทก์ทราบครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับฟัง ต้องการเบิกทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอาหารและค่าอุปกรณ์ ข้อโต้แย้งจึงยุติไปแล้ว เมื่อโจทก์เบิกเงินไป ๑,๒๘๐ บาท จำเลยก็ต้องเรียกคืนและมีสิทธิหักเงินเดือนโจทก์มาชดใช้ จำเลยมิได้ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ ๓๐ เพราะเงินที่จำเลยหักจากเงินเดือนของโจทก์ ๑,๒๘๐ บาท มิใช่หนี้อื่นแต่เป็นการเรียกคืนตามสิทธิของจำเลยที่มีต่อโจทก์ในเงินจำนวนดังกล่าวเท่านั้น การหักเงินเดือนของโจทก์มิได้มีความหมายว่าเป็นการหักกลบลบหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๔ เพราะเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่มีข้อต่อสู้ จำเลยไม่ได้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ ๑๔๐ และคำสั่งที่ ๓๓/๒๕๒๐ การตรวจสอบและอนุญาตจ่ายเงินของหัวหน้างานโจทก์มีความหมายเพียงว่าโจทก์นำหลักฐานการเบิกมาแสดงครบถ้วนตามใบเบิกคือ อส.๒๐ หรือไม่มิได้หมายความเลยไปว่าโจทก์ใช้สิทธิเบิกเงินต่าง ๆ ถูกต้องหรือไม่เพียงใด เพราะหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องเป็นของการพนักงานและกองงบประมาณของจำเลย การเบิกเงินค่าเล่าเรียนตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ ๑๔๐ และ ๑๖๒ ต้องเบิกค่าเล่าเรียนหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อันเกี่ยวกับค่าเล่าเรียนอย่างใดอย่างหนึ่ง จะเบิกทั้งสองอย่างในคราวเดียวกันมิได้ หากฟังว่าโจทก์สามารถเบิกค่าอาหารและค่าอุปกรณ์ โจทก์คงมีสิทธิเบิกเฉพาะค่าเล่าเรียนหรือค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณาโจทก์จำเลยรับกันว่า เด็กชายเอกพล พานิช เป็นบุตรโจทก์เคยเรียนอยู่ชั้นอนุบาลโรงเรียนอนุบาลเบญจมาศ อันเป็นโรงเรียนราษฎร์ โจทก์เบิกเงินจากจำเลยเป็นค่าอาหารเทอมละ ๖๐๐ บาท และค่าอุปกรณ์การเรียนเทอมละ ๔๐ บาท รวม ๒ เทอม สำหรับปีการศึกษา ๒๕๒๓ เป็นเงิน ๑,๒๘๐ บาทจำเลยรับเงินจำนวน ๑,๒๘๐ บาท จากเงินเดือนของโจทก์คืนแล้ว ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเบิกเงินค่าอาหารและค่าอุปกรณ์ตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ ๑๔๐ ซึ่งแก้ไขโดยระเบียบธนาคารออมสิน ฉบับที่ ๑๖๒ การที่จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์จำนวน ๑,๒๘๐ บาทจึงเป็นการจ่ายให้โดยมิชอบ โจทก์ใช้สิทธิเบิกเงินดังกล่าวในฐานะเป็นลูกจ้างจำเลยตามสัญญาจ้างแรงงานการจ่ายเงินให้โจทก์ดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตรโจทก์ตามระเบียบการธนาคารออมสินว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจึงมิใช่เป็นหนี้อื่น หากเป็นหนี้ที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลย จำเลยจึงหักเงินเดือนโจทก์เพื่อชดใช้เงิน ๑,๒๘๐ บาท ซึ่งโจทก์เบิกไปโดยมิชอบได้ไม่ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๓๐ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์โดยโจทก์ไม่มีสิทธิเบิกเงินตามระเบียบการธนาคารออมสินตามที่กล่าวมาแล้วจำเลยมีสิทธิเรียกเงินดังกล่าวคืนจากโจทก์ได้ตามคำสั่งที่ ๓๓/๒๕๒๐ เรื่องระเบียบวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรและการยืมเงินทดรองข้อ ๓ วรรคสอง กำหนดว่า “ในกรณีที่มีการใช้สิทธิไม่ถูกต้อง ให้กองการพนักงานทักท้วงและเรียกเงินคืนพร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายการบัญชีและกองงบประมาณทราบโดยด่วน” สิทธิเรียกร้องเงินของจำเลยที่จ่ายให้โจทก์ไปโดยไม่ถูกต้องดังกล่าวคือนั้นไม่ใช่เป็นสิทธิเรียกร้องที่ยังมีข้อต่อสู้อยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๔๔ การขอเบิกเงินตามระเบียบการธนาคารออมสินเป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิในฐานะที่เป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน อันเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลย เมื่อจำเลยจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ไปโดยไม่มีสิทธิ โจทก์ไม่คืนเงินให้จำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะหักเงินเดือนโจทก์เพื่อชดใช้เงินซึ่งโจทก์เบิกไปโดยมิชอบได้ ไม่เป็นการขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ปัญหาว่ามีข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยให้จำเลยมีสิทธิหักเงินเดือนของโจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงข้อนี้ศาลแรงงานกลางฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางในประเด็นเรื่องหักหนี้ให้ศาลแรงงานกลางสืบพยานในประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share