คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บันทึกที่พนักงานสอบสวนจดแจ้งข้อความตามคำแจ้งความของฝ่ายผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่แจ้งกล่าวหาจำเลยที่ 1 ว่า กระทำการอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย แม้ความจะปรากฏตามบันทึกดังกล่าวนั้นด้วยว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดและยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ โดยได้กำหนดเวลานำเงินมาชำระหนี้ไว้ด้วยก็ตาม แต่ก็เป็นการยอมรับผิดตามข้อสอบถามของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบถามจำเลยที่ 1 เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าฝ่ายผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ได้ตกลงยินยอมตามนั้นด้วยทั้งจำนวนเงินอันเป็นค่าสินไหมทดแทนก็เป็นจำนวนที่ไม่แน่นอน เพียงแต่ระบุไว้โดยประมาณเอาเท่านั้น และที่ว่าคู่กรณีตกลงกันได้ตามบันทึกตอนท้ายนั้น ก็เห็นได้ว่าเป็นเพียงความเข้าใจของพนักงานสอบสวนผู้เขียนบันทึกเองเท่านั้น บันทึกดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะที่จะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ อันคู่กรณีประสงค์จะระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่แล้วนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 850 ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์นำปูนซิเมนต์ผสมไปส่ง เมื่อเทกระบะบรรทุกแล้วไม่เอาลงให้เรียบร้อย กลับแล่นรถไปตามถนนเป็นเหตุให้ท้ายรถเกี่ยวสายไฟฟ้าแรงต่ำที่ขึงพาดบนเสาไฟฟ้า ซึ่งปักอยู่ริมถนนหัก อุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดเสียหายคิดเป็นเงิน 9,892.35 บาท เป็นการกระทำโดยละเมิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างและได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยดังกล่าวต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย ขอให้พิพากษาบังคับ

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การทำนองเดียวกันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทของโจทก์เองที่ไม่ดึงสายไฟฟ้าให้ตึง จำเลยไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันแล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องเอากับจำเลยที่ 2 ที่ 3 อีก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน10,634.17 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยที่ 2 ที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ช – 4117 ซึ่งได้ทำประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ตามวันเวลาตามฟ้องจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างได้กระทำการอันเป็นละเมิดต่อโจทก์ทำให้เสาไฟฟ้าคอนกรีตของโจทก์ที่ปักอยู่ริมถนนที่เกิดเหตุหัก อุปกรณ์การไฟฟ้าเสียหาย หลังเกิดเหตุแล้วในวันเดียวกันนี้เองนายชลัตผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ไปให้พนักงานสอบสวนทำบันทึกสอบปากคำและลงลายมือชื่อไว้ ตามเอกสารหมาย จ.7

ในปัญหาที่ว่าบันทึกข้อความตามเอกสารหมาย จ.7 เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บันทึกที่พนักงานสอบสวนได้จดแจ้งข้อความตามคำแจ้งความของฝ่ายผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่แจ้งความกล่าวหาจำเลยที่ 1 ว่า กระทำการอันเป็นละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย แม้ความจะปรากฏตามบันทึกดังกล่าวนั้นด้วยว่า จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดและยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้โดยได้กำหนดเวลานำเงินมาชำระหนี้ไว้ด้วยก็ตาม แต่ก็เห็นได้ว่าเป็นการยอมรับผิดตามข้อสอบถามของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบถามจำเลยที่ 1 แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าฝ่ายผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ได้ตกลงยินยอมตามนั้นด้วย ทั้งจำนวนเงินอันเป็นค่าสินไหมทดแทนก็ไม่แน่นอนว่าเป็นจำนวนเท่าใดแน่ เพียงแต่ระบุไว้ว่าค่าเสียหายในชั้นนี้ประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น และที่ว่าคู่กรณีตกลงกันได้ตามบันทึกตอนท้ายนั้น ก็เห็นได้ว่าเป็นเพียงความเข้าใจของพนักงานสอบสวนผู้เขียนบันทึกเองเท่านั้น บันทึกดังกล่าวจึงหามีลักษณะที่จะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความอันคู่กรณีประสงค์จะระงับข้อพิพาทที่มีอยู่แล้วนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 850 ไม่

พิพากษายืน

Share