คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3290/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอให้พิจารณาใหม่หรือไม่นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลไต่สวนพิจารณาเพียงเหตุเดียวคือ มีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้หรือไม่เท่านั้น จึงไม่ชอบที่จะต้องทำการไต่สวนว่าคดีของคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดมีทางชนะคดีอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่
คำพิพากษาศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 ได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ คำพิพากษาดังกล่าวจึงมีผลเพียงว่าโจทก์ที่ 2 ได้ซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์ที่ 1 โดยเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเท่านั้นไม่มีผลเลยไปถึงว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับความคุ้มครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ดังนั้นเมื่อจำเลยขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่าจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว เพราะไม่เคยเช่าหรืออาศัยโจทก์ ซึ่งหากฟังได้ดังข้ออ้างจำเลยย่อมมีทางชนะคดีได้ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์ที่ ๑ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๖๒ จำเลยเช่าที่ดินบางส่วนปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ ต่อมาโจทก์ที่ ๑ ได้บอกเลิกการเช่า และจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ที่ ๒แต่จำเลยไม่ยอมออกไปจากที่ดิน จึงขอให้พิพากษาบังคับ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไปฝ่ายเดียวแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเช่าที่ดินบางส่วนของโจทก์ที่ ๑ ปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยไม่มีสัญญาเช่า ต่อมาโจทก์ที่ ๑จดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ที่ ๒ และได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่ดินต่อไป พิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวาร
จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ทั้งคดีของจำเลยที่ ๑ มีทางชนะ เพราะจำเลยที่ ๑ ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินพิพาทหรืออาศัยสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ มิได้จงใจขาดนัด แต่เห็นว่าแม้จำเลยที่ ๑ จะครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ ก็ไม่อาจยกเป็นข้อต่อสู้โจทก์ที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้รับโอนโดยมีค่าตอบแทนได้ และจำเลยที่ ๑ มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้าน คำตัดสินของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีโจทก์ที่ ๒ ได้อย่างไร ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่
โจทก์ฎีกาว่า คดีของจำเลยที่ ๑ ไม่ได้แสดงว่าจะชนะคดีโจทก์ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าในชั้นไต่สวนคำขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๑นั้น ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนข้อเท็จจริง ๒ ประเด็น คือ ๑. จำเลยที่ ๑ จงใจขาดนัดหรือไม่ และ ๒. คดีของจำเลยที่ ๑ มีทางชนะคดีโจทก์หรือไม่ แล้วศาลล่างทั้งสองยกข้อเท็จจริงจากการไต่สวนในประเด็นข้อ ๒ ขึ้นประกอบดุลพินิจในการวินิจฉัยสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่หรือไม่ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าการไต่สวนในประเด็นข้อ ๒ ไม่มีความจำเป็นต้องกระทำในชั้นขอพิจารณาใหม่นี้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล และเมื่อศาลเห็นว่าคำขอของคู่ความถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าว ในการที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอให้พิจารณาใหม่หรือไม่นั้นมาตรา ๒๐๙ วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลไต่สวนพิจารณาต่อไปเพียงเหตุเดียวคือมีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้หรือไม่เท่านั้นด้วยเหตุนี้จึงไม่ชอบที่จะต้องทำการไต่สวนในประเด็นข้อ ๒ และนำข้อเท็จจริงจากประเด็นดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยในการมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้พิจารณาใหม่ด้วย ฉะนั้นสารสำคัญที่จะต้องวินิจฉัยโดยตรงในชั้นนี้จึงอยู่ที่ว่า ในตัวคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๑ ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นหรือไม่เท่านั้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดเพียงว่าเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ โจทก์ที่ ๑ ได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒ ให้แก่โจทก์ที่ ๒ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามเอกสารหมาย จ.๒ คำพิพากษาดังกล่าวจึงมีผลเพียงว่า โจทก์ที่ ๒ ได้ซื้อที่ดินจากโจทก์ที่ ๑ โดยเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเท่านั้น ยังไม่มีผลเลยไปถึงว่าโจทก์ที่ ๒ ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ ๑ ขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่าจำเลยที่ ๑ ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดดังกล่าวโดยปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว เพราะไม่เคยเช่าหรืออาศัยที่ดินนี้จากโจทก์ ซึ่งถ้าหากฟังได้ดังข้ออ้าง จำเลยที่ ๑ ย่อมมีทางชนะคดีได้ คำขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๑ จึงกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๐๘ วรรคสอง
พิพากษายืน

Share