แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ที่จำเลยรับจะจัดการขออนุญาตทำงานให้แก่โจทก์ลูกจ้างซึ่งเป็นคนต่างด้าว เป็นเพียงแต่จำเลยรับจะเป็นผู้ไปดำเนินการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตของโจทก์เท่านั้น เป็นคนละเรื่องกับการเป็นผู้ขออนุญาตนั้นไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 10
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างอันเนื่องมาจากความผิดของจำเลย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องร่วมกันรับผิดจ่ายเงินเดือนและค่าครองชีพให้แก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ประสงค์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นจำนวนเท่ากับเงินเดือนและค่าครองชีพนั่นเอง ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงหาเป็นการพิพากษาเกินคำขอ หรือนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้จ้างโจทก์เป็นผู้อำนวยการฝ่ายอาหารโจทก์ทำงานให้จำเลยแล้ว จำเลยไม่จ่ายเงินเดือนและค่าครองชีพให้แก่โจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยชำระเงินเดือนและค่าครองชีพประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๒๔ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๒๔ เดือนละ ๕๕,๐๐๐ บาท และชำระให้แก่โจทก์ต่อไปทุกสิ้นเดือนจนถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๗
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทดลองทำงานเพราะโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวหลอกลวงว่าโจทก์มีใบอนุญาตให้ทำงานได้ ต่อมาโจทก์ไม่มาทำงานเพราะหลบหนีเจ้าหน้าที่กรมแรงงานเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ทำงานกับจำเลยโจทก์ขาดงานเกิน ๓ วัน เกียจคร้านและไม่แสดงใบรับรองแพทย์ตามเงื่อนไขสัญญาจ้าง จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและจ่ายค่าจ้างให้โจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้าง ๒๐,๑๖๖.๖๖ บาท และค่าเสียหาย ๘๘,๐๐๐ บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ว่าที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ที่จะขอใบอนุญาตทำงานให้แก่โจทก์เป็นข้อวินิจฉัยที่ขัดต่อพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๑๐ นั้นเห็นว่าศาลแรงงานกลางเพียงแต่วินิจฉัยว่า ในการที่จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาจ้างโจทก์นั้นจำเลยรับที่จะจัดการขออนุญาตทำงานให้แก่โจทก์ ซึ่งการจัดการขออนุญาตนี้เป็นเพียงแต่จำเลยรับจะเป็นผู้ไปดำเนินการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตของโจทก์เท่านั้น เป็นคนละเรื่องกับการเป็นผู้ขออนุญาต หรืออีกนัยหนึ่งคือการลงชื่อเป็นผู้ขออนุญาตตามบทบัญญัติ มาตรา ๑๐ ดังกล่าว คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางจึงไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ แต่อย่างใด
ส่วนปัญหาที่จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์เป็นประการสุดท้ายว่า ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นการตัดสินนอกประเด็นแห่งคดีและเกินคำขอเป็นการไม่ชอบนั้น ถึงแม้ตามคำขอบังคับท้ายฟ้องโจทก์ได้ขอให้จำเลยชำระเงินเดือนและค่าครองชีพตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๒๔ จนถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๗ ก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างอันเนื่องมาจากความผิดของจำเลยเอง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องร่วมกันรับผิดจ่ายเงินเดือนและค่าครองชีพดังกล่าวให้แก่โจทก์ ซึ่งถือได้ว่าโจทก์ประสงค์เรียกค่าเสียหายจากจำเลย ฉะนั้นที่โจทก์ขอให้จำเลยชำระเงินเดือนและค่าครองชีพดังกล่าว จึงอนุโลมถือได้ว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นจำนวนเท่ากับเงินเดือนและค่าครองชีพนั่นเอง ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์จึงหาเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
พิพากษายืน