คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2042/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สหภาพแรงงานที่จะยื่นข้อเรียกร้องต่อนายจ้างได้ต้องมีสมาชิกซึ่งเป็นลูกจ้างอยู่ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดของนายจ้าง ขณะที่สหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้องมีลูกจ้างรวมทั้งผู้กล่าวหาเป็นสมาชิกอยู่ด้วยเกินกว่า 1 ใน 5 จึงนับว่าผู้กล่าวหามีส่วนทำให้สหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้องต่อนายจ้างได้ และผลได้ผลเสียประโยชน์จากการเจรจาตามข้อเรียกร้องย่อมตกถึงแก่ผู้กล่าวหาด้วย จึงถือได้ว่าผู้กล่าวหาเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องแล้ว หาจำต้องเป็นผู้ร่วมยื่นข้อเรียกร้องร่วมเจรจา หรือร่วมกระทำการอื่น ๆ ด้วยไม่
การที่นายจ้างเลิกจ้างผู้กล่าวหาซึ่งทำหน้าที่เป็นยามแล้วจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยทำการแทนเพราะสามารถรับผิดชดใช้ค่าเสียหายได้ในกรณีที่ทรัพย์สินของนายจ้างสูญหายนั้น เป็นเพียงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์แตกต่างกันระหว่างการจ้างผู้กล่าวหากับบริษัทรักษาความปลอดภัยเท่านั้น มิใช่เหตุจำเป็นต้องเลิกจ้างผู้กล่าวหาซึ่งได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 123 เมื่อนายจ้างเลิกจ้างจึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เลิกจ้างพนักงานยาม แล้วจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยทำหน้าที่แทน เนื่องจากสามารถรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ จึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นการกระทำอันเป็นธรรม ต่อมาผู้ถูกเลิกจ้างได้ไปกล่าวหาต่อจำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าโจทก์เลิกจ้างผู้กล่าวหา โดยไม่เป็นธรรม จำเลยวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างของโจทก์เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่ผู้กล่าวหามีจำนวนสูงเกินเหตุ ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
จำเลยให้การว่า ยามที่ถูกเลิกจ้างเป็นผู้เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องและข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเนื่องจากการเรียกร้องนั้นยังมีผลใช้บังคับอยู่ การเลิกจ้างดังกล่าวจึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ส่วนค่าเสียหายนั้นจำเลยได้พิจารณาด้วยความเป็นธรรมแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า กรณีที่สหภาพแรงงานจะเป็นผู้ยื่นข้อเรียกร้องต่อโจทก์ได้นั้น จะต้องมีสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งเป็นลูกจ้างอยู่ไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๕ ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดของโจทก์ ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยรับกันปรากฏว่าขณะที่สหภาพแรงงานชลประทานผลิตภัณฑ์คอนกรีตยื่นข้อเรียกร้องโจทก์มีลูกจ้างทั้งหมดประมาณ ๑๖๒ คน ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานดังกล่าวประมาณ ๙๖ คนรวมทั้งผู้กล่าวหาด้วย จึงถือได้ว่าผู้กล่าวหาเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องที่สหภาพแรงงานฯ เรียกร้องหาจำต้องเป็นผู้ร่วมยื่นข้อเรียกร้อง ร่วมเจรจา หรือร่วมกระทำการอื่น ๆ ต่อโจทก์โดยตรงดังอุทธรณ์โจทก์ไม่ และเหตุที่โจทก์ต้องการปรับปรุงกิจการของโจทก์ให้มั่นคงขึ้น โดยการเลิกจ้างผู้กล่าวหาแล้วจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนเพื่อทำหน้าที่ยามแทน เพราะหากทรัพย์สินของโจทก์สูญหาย ผู้กล่าวหาไม่สามารถรับผิดชดใช้ค่าเสียหายได้ แต่ถ้าหากเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนสามารถรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ได้เป็นการลดอัตราการเสี่ยงต่อความเสียหายของโจทก์นั้น เป็นเพียงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์แตกต่างกันระหว่างการจ้างผู้กล่าวหากับบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนเท่านั้น มิใช่เหตุอันจำต้องเลิกจ้างผู้กล่าวหาซึ่งได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา ๑๒๓ การที่โจทก์เลิกจ้างผู้กล่าวหาซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับด้วยเหตุดังวินิจฉัยแล้ว จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา ๑๒๓
พิพากษายืน

Share