คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน เพราะเหตุลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้อันเป็นการผิดสัญญานั้น เป็นดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชดใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรคแรก และเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหาย ดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จึงมีอายุความ 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ได้ขอให้ธนาคารโจทก์ค้ำประกันเงินมัดจำ และการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายที่ดิน โฉนดเลขที่ ๓๙๐๕ ของจำเลยที่ ๑ ผู้ขาย ต่อมานายบุญถมผู้ซื้อธนาคารโจทก์สาขาปทุมวันได้ทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายที่ดินตามที่จำเลยที่ ๑ ขอ โดยสัญญาว่า หากจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาไม่ว่าด้วยประการใด ๆ เป็นเหตุให้นายบุญถมได้รับความเสียหายแล้ว แต่จำเลยที่ ๑ เพิกเฉยหรือไม่สามารถจัดการชำระโจทก์ยอมชำระค่าเสียหายแทนจำเลยที่ ๑ ให้นายบุญถมเป็นเงินไม่เกิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท ในวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ต่างได้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ ๑ ไว้ต่อโจทก์ยินยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๓ ได้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๘๘๑๖ และ ๒๘๘๓๖ เป็นประกันสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์เป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาขายที่ดินที่ทำไว้กับนายบุญถม นายบุญถมทวงถามให้โจทก์ชำระเงิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท โจทก์ได้ชำระให้นายบุญถมไปเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๑๑ เมื่อหักเงินจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ที่จำเลยที่ ๑ วางไว้ต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ ๑ ยังคงเป็นหนี้โจทก์เป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาทโจทก์ได้ทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยแล้ว แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระทำให้โจทก์เสียหาย ต้องรับผิดค่าเสียหายอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระ ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระจนถึงวันที่ได้ชำระเสร็จ
ระหว่างพิจารณาโจทก์ได้ถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
จำเลยที่ ๓ ให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ด้วยว่า ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยก็ไม่เกิน ๕ ปี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๓ ชำระเงินจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์จ่ายเงินไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๓ เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดถึงวันฟ้องแต่ไม่ให้เกิน ๕ ปี
โจทก์และจำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับนายบุญถม เป็นเหตุให้โจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้นายบุญถมตามสัญญาค้ำประกัน ฉะนั้นจำเลยที่ ๓ ผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระดอกเบี้ยสำหรับต้นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๑๑ จนถึงวันฟ้องและต่อไปจนถึงวันที่จำเลยที่ ๓ ชำระเงินเสร็จเพราะเงินจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาทดังกล่าวเป็นเงินที่จำเลยที่ ๓ ผิดนัดไม่นำไปชำระให้โจทก์ตามหนังสือทวงถามของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายต้องใช้เงินให้นายบุญถมไป จำเลยที่ ๓ จึงต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยสำหรับเงินจำนวนดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ วรรคแรกและดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๖ แต่เป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหายและไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายในกรณีเช่นนี้ไว้โดยเฉพาะ ค่าเสียหายดังกล่าวจึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๓ รับผิดใช้ดอกเบี้ยในต้นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๑๑ จนกว่าจำเลยที่ ๓ จะชำระให้โจทก์เสร็จ

Share