แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยเบียดบังเอาเงินไปคราวเดียวทั้งหมดเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เพียงกรรมเดียวให้จำคุก 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่า การที่จำเลยได้เบียดบังเอาเงินไปแต่ละงวดเป็นความผิดงวดละกรรมรวม 13 กรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และยังคงลงโทษจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปีนั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1997/2521)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นตำรวจ มีหน้าที่เป็นกรรมการตรวจรับส่งเงินรายได้ของแผ่นดิน ฯลฯ จำเลยได้รับคำสั่งให้หักเงินเดือนของตำรวจอื่นแล้วจัดการเก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ เพื่อส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่จำเลยได้เบียดบังเอาเงินดังกล่าวรวม ๑๓ งวด ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้ราชการกรมตำรวจและผู้อื่นได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๑๔๗, ๑๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗ ไม่ได้ จำเลยเบียดบังเอาเงินไปคราวเดียวทั้งหมดเป็นความผิดกรรมเดียว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๗ จำคุก ๕ ปี ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗ ด้วย และว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมมิใช่กรรมเดียว
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗ แต่การที่จำเลยได้เบียดบังเอาเงินไปแต่ละงวดเป็นความผิดงวดละกรรม หาใช่ผิดกรรมเดียวไม่ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิด ๑๓ กรรม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ จำคุกกระทงละ ๕ ปี รวมจำคุก ๖๕ ปี
จำเลยฎีกาว่ามิได้มีเจตนากระทำความผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องที่ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเจตนากระทำความผิดหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าการที่จำเลยได้เบียดบังเอาเงินไปแต่ละงวดเป็นความผิดงวดละกรรม หาใช่ผิดกรรมเดียวไม่ ให้ลงโทษในความผิด ๑๓ กรรมเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน ๕ ปีจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๙๗/๒๕๒๑ พนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายวาฮับ ใจธรรม จำเลย
พิพากษายกฎีกาจำเลย