คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3682/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 จะต้องได้ความว่า ผู้ที่จำเลยให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต และจำเลยก็ทราบแล้ว ทั้งต้องเป็นการให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
เมื่อปรากฏว่าจำเลยกับ ท. ซึ่งโจทก์ว่าเป็นคนต่างด้าวได้แต่งงานกันตามประเพณี และได้อยู่กินด้วยกันโดยเปิดเผยประกอบอาชีพทำสวนทำไร่และค้าขายจนมีบุตรด้วยกัน 3 คนจำเลยนำชื่อบุตรไปลงไว้ในทะเบียนบ้านว่าเป็นบุตรที่เกิดจาก ท. และให้ใช้นามสกุลของ ท. บ้านที่ ท.ถูกจับก็เป็นบ้านที่จำเลยกับ ท. ร่วมกันสร้างระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ในวันที่ตำรวจไปค้นบ้านจำเลยก็พบ ท. นอนเล่นอยู่หลังบ้านมิได้ซ่อนเร้นแต่อย่างใดจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้ ท. เข้าพักอาศัยหรือซ่อนเร้นเพื่อให้ ท. พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ช่วยซ่อนเร้นให้ที่พักอาศัยแก่นายทุเรียนคนต่างด้าวเชื้อชาติเขมร สัญชาติเขมร ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองโดยจำเลยได้นำพาเข้าไปหลบพักอาศัยอยู่ที่บ้านของจำเลย โดยมีเจตนาช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวดังกล่าวให้พ้นจากการจับกุมหรือถูกควบคุมตัวขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง และลงโทษจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๔ จะต้องได้ความจากพยานหลักฐานของโจทก์ว่าผู้ที่จำเลยให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต และจำเลยก็ทราบเช่นนั้นด้วยทั้งต้องเป็นการให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม แต่ทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยกับนายทุเรียนแต่งงานกันตามประเพณีโดยเปิดเผยในวันทำพิธีมีชาวบ้านไปร่วมจำนวนมากพอสมควร และเมื่อแต่งงานแล้วก็อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยเปิดเผยจนมีบุตรด้วยกัน ๓ คนจำเลยนำชื่อบุตรไปลงไว้ในทะเบียนบ้านว่าเป็นบุตรที่เกิดกับนายทุเรียนและใช้นามสกุลของนายทุเรียน เมื่อตำรวจไปค้นบ้านจำเลยก็พบนายทุเรียนนอนเล่นอยู่หลังบ้าน อันเป็นการพักอาศัยอยู่อย่างธรรมดามิได้ซ่อนเร้นแต่อย่างใด ทั้งบ้านที่เกิดเหตุก็เป็นบ้านที่นายทุเรียนกับจำเลยร่วมกันสร้างระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากัน รูปคดีมีเหตุผลเชื่อว่าการที่นายทุเรียนเข้าไปอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุก็เพราะนายทุเรียนกับจำเลยมีความสัมพันธ์เป็นสามีภริยากัน ถือไม่ได้ว่าการที่นายทุเรียนเข้าไปพักอาศัยดังกล่าว จำเลยให้นายทุเรียนเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้นายทุเรียนพ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด
พิพากษายืน

Share