แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงรับจำนำและได้รับจำนำหัวเช็คขัดทองคำของโจทก์ซี่งถูกคนร้ายลักไป จำเลยจะถือเอาประโยชน์ตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ได้ ก็ต้องเป็นการรับจำนำสิ่งของเป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระแต่ละรายมีจำนวนเงินไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แต่ปรากฏว่าจำเลยรับจำนำทรัพย์รายนี้ไว้เป็นเงินถึงสี่หมื่นบาท จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 เป็นเรื่องต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของหัวเข็มขัดดังกล่าวย่อมมีสิทธิที่จะติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336
เมื่อจำเลยรับจำนำทรัพย์ไว้มีจำนวนเงินเกินกว่าหนึ่งหมื่นบาท การรับจำนำนั้นก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 ในจำนวนเงินที่รับจำนำไว้ทั้งสี่หมื่นบาท จะแยกเอาแต่จำนวนเงินหนึ่งหมื่นบาทอันเป็นส่วนหนึ่งของการรับจำนำที่ไม่ได้รับความคุ้มครองแล้วว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 ย่อมไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายพีระ ศีลธร ได้ร่วมกับพวกลักหัวเข็มขัดทองคำของโจทก์ไป จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของโรงรับจำนำได้รับจำนำหัวเข็มขัดดังกล่าวไว้และไม่ยอมส่งคืนให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของ จึงขอให้บังคับจำเลยคืนหัวเข็มขัดให้โจทก์ ถ้าส่งคืนไม่ได้ให้จำเลยใช้ราคา ๕๕,๐๐๐ บาทแทน
จำเลยให้การว่า จำเลยได้รับจำนำหัวเข็มขัดดังกล่าวไว้จากนายพีระในราคาสี่หมื่นบาท จำเลยรับจำนำไว้โดยสุจริต ไม่ทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา จำเลยจึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ ไม่จำต้องคืนหัวเข็มขัดให้โจทก์ เว้นแต่โจทก์จะชำระเงินจำนวนที่จำเลยรับจำนำไว้พร้อมดอกเบี้ยให้แก่จำเลยเสียก่อน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนหัวเข็มขัดให้โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา ๕๕,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยจะถือเอาประโยชน์ตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๔ ได้ ก็ต้องเป็นการรับจำนำสิ่งของเป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระแต่ละรายมีจำนวนเงินไม่เกินหนึ่งบาท แต่ปรากฏว่าจำเลยรับจำนำทรัพย์รายนี้ไว้เป็นเงินถึงสี่หมื่นบาท จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นเรื่องต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อเป็นเช่นนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหัวเข็มขัดทองคำรายนี้และเป็นผู้กระทำการโดยสุจริตก็มีสิทธิที่จะติดตามเอาหัวเข็มขัดทองคำของตนคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ และที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ ในวงเงินที่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท โจทก์ต้องคืนเงินหนึ่งหมื่นบาทพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยรับจำนำทรัพย์ไว้มีจำนวนเงินเกินกว่าหนึ่งหมื่นบาทแล้ว การรับจำนำนั้นก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ ในจำนวนเงินที่รับจำนำไว้ทั้งสี่หมื่นบาท จะแยกเอาแต่จำนวนเกินหนึ่งหมื่นบาทอันเป็นส่วนหนึ่งของการรับจำนำที่ไม่ได้รับความคุ้มครองแล้วว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ ย่อมไม่ได้
พิพากษายืน