คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้วโอนสิทธิการเช่าให้ ข. โดยจำเลยที่ 1 เห็นชอบและอนุมัติแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 เอาที่ดินรายเดียวกันให้จำเลยที่ 3 เช่า ดังนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ เพราะขณะที่ฟ้องโจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าให้ผู้อื่นไปแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าที่ธรณีสงฆ์ของวัดจำเลยที่ ๑ ตามโฉนดเลขที่ ๖๕๒ จำเลยที่ ๑ รับเงินประกันความเสียหายกับค่าเช่าล่วงหน้าไปจากโจทก์แล้ว และจำเลยที่ ๒ ในฐานะส่วนตัวและฐานะเจ้าอาวาสวัดจำเลยที่ ๑ ได้ลงชื่อเห็นชอบและอนุมัติให้โจทก์โอนสิทธิการเช่าให้นายชวลิตเช่าช่วงได้ แต่ต่อมาจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญาให้จำเลยที่ ๓ เช่าที่ดินโฉนดเดียวกันโดยทับที่ดินที่โจทก์เช่า โดยยังมิได้บอกเลิกการเช่ากับโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสามยกเลิกการเช่านั้น แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาและการจดทะเบียนเช่าระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๓ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินที่โจทก์เช่า
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประเด็น และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้นายชวลิตไปแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์กับจำเลยที่ ๓ เรียกร้องเอาที่พิพาทอันเดียวกัน โดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างวาระกัน และปรากฏว่าจำเลยที่ ๓ ได้เข้าไปปลูกสร้างอาคารลงในที่พิพาทแล้วถึง ๑๐ ห้อง ส่วนโจทก์เพียงแต่เอาป้ายไปปักไว้ในที่พิพาท จำเลยที่ ๓ จึงมีสิทธิในการเช่าที่พิพาทดีกว่า โจทก์ พิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ไม่มีสิทธิตัดโจทก์ที่จะฟ้องเรียกเอาเงินประกันความเสียหาย ค่าเช่าล่วงหน้า และค่าเสียหายอื่น ๆจากจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับวันเวลาที่จำเลยที่ ๓ เข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่พิพาทก็ดี โจทก์นำป้ายไปปักมีข้อความอย่างไร ปักไว้เมื่อใด และตรงไหนของที่พิพาทก็ดี ตลอดจนพฤติการณ์อื่นอันแสดงการครบอครองที่พิพาทของโจทก์จำเลยยังไม่ปรากฏในสำนวน ที่ศาลชั้นต้นฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัย พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องเสียก่อน โดยวินิจฉัยว่า ปรากฏตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์เองว่า โจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าที่ธรณีสงฆ์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตามเอกสารท้ายฟ้องให้กับนายชวลิตไปแล้ว ตามสัญญารับช่วงสิทธิการเช่า ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๒๑ และจำเลยที่ ๒ ในฐานะส่วนตัวและในฐานะเจ้าอาวาสวัดจำเลยที่ ๑ ผู้ให้เช่า ได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติแล้ว ตามสัญญารับช่วงสิทธิดังกล่าวโจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าตามสัญญาเช่าท้ายฟ้องให้แก่นายชวลิตไปทั้งหมด ขณะที่ฟ้องโจทก์คดีนี้ เป็นเวลาที่โจทก์โอนสิทธิการเช่าให้ผู้อื่นไปแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นตามฎีกาของจำเลย ทั้งสามต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยคดีและพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share