คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2521 จำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจาร พ. และทำร้ายร่างกาย ส. แต่โจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 9 มิถุนายน 2521 จึงเป็นการกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่โจทก์ฟ้อง จะฟ้องล่วงหน้าว่าจำเลยกระทำความผิดหาได้ไม่ แม้จำเลยรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ เวลากลางคืน จำเลยบังอาจกระทำอนาจารแก่นางสาวไพลินและจำเลยได้ใช้มือตบหน้านางสุมาภรณ์มารดา ของนางสาวไพลิน ไม่ถึงอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘, ๓๙๑, ๙๑
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๒๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ยื่นฟ้องวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๑ กล่าวหาว่า จำเลยกระทำความผิดในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ ซึ่งเป็นการกล่าวหาว่า จำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่โจทก์ฟ้อง จะฟ้องล่วงหน้าว่าจำเลยกระทำความผิดได้หาไม่ แม้จำเลยจะรับสารภาพ ศาลก็ยกขึ้นพิจารณาได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะลงโทษจำเลยในคดีที่จำเลยรับสารภาพเช่นนี้ ต้องอาศัยคำฟ้อง และการฟ้องขอให้ลงโทษผู้ใดตามกฎหมายนั้นต้องเป็นเรื่องที่ผู้นั้นได้กระทำผิดตามแล้วก่อนวันที่โจทก์ฟ้อง จะฟ้องล่วงหน้าว่าจำเลยกระทำผิดหาได้ไม่ แม้จำเลยจะรับสารภาพก็เป็นการรับสารภาพตามฟ้องที่ไม่เป็นความผิด คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๑ กล่าวหาว่า จำเลยประทำผิดในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๑
ซึ่งเป็นการกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดภายหลังวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะมิได้ยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้นพิจารณาวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share